พ่อ "น้องลิ้นจี่" บัณฑิตจบใหม่เหยื่อบิ๊กไบค์ชนขณะข้ามทางม้าลาย ยังทำใจไม่ได้สูญเสียลูกสาว
พ่อบัณฑิตจบใหม่เหยื่อบิ๊กไบค์ชนดับขณะข้ามทางม้าลาย เผยยังทำใจไม่ได้ ความหวังทั้งชีวิตพังทลายในช่วงพริบตาเดียว เตือนผู้ใช้รถอย่าเล่นโทรศัพท์เพราะเพียงวินาทีเดียวเปลี่ยนชีวิต
จากกรณีเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชน น้องลิ้นจี่ หรือ น.ส.วิลาวัณย์ อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ และเพิ่งมาเริ่มทำงานได้วันแรก ขณะกำลังข้ามทางม้าลาย บริเวณแยกกรมโยธาและผังเมือง ถนนพระราม 9 เป็นเหตุให้ผู้บาดเจ็บขาหักห้าท่อน, แขนหัก และสมองตาย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยคู่กรณีปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ พร้อมกับไล่ให้ไปหาหลักฐานมาพิสูจน์
>> ไร้ปาฏิหาริย์ "น้องลิ้นจี่" ถูก จยย. ชนขณะข้ามทางม้าลาย เสียชีวิตแล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (8 ก.ค.) ได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.ทางพระ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.วิลาวัณย์ บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศก
โดยญาติๆ ของน้องลิ้นจี่ต่างช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ซึ่งในช่วงเย็นวันนี้จะทำการรดน้ำศพ ก่อนที่จะทำพิธีสวดอภิธรรมศพเป็นวันที่ 2 เนื่องจากเมื่อวานที่ผ่านมาทางญาติรับศพกลับมาในช่วงค่ำทำให้ไม่สามารถจัดพิธีรดน้ำศพได้
โดย นายลำจวน อายุ 49 ปี ผู้เป็นพ่อของน้องลิ้นจี่ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า นั่งเปิดดูภาพของน้องลิ้นจี่ที่ถ่ายกับครอบครัวเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ บริเวณหน้าที่ตั้งศพของน้องลิ้นจี่ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
นายลำจวน บอกว่า ตนเองกับแม่ของน้องลิ้นจี่ทำงานเป็นลูกจ้างของกทม. ซึ่งเมื่อน้องลิ้นจี่โตก็นำไปอยู่อาศัยด้วยกันอยู่ที่กรุงเทพฯ รวมถึงส่งเสียจนเพิ่งจะเรียนจบและเพิ่งจะเริ่มทำงาน เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันแรก
แต่น้องลิ้นจี่ไปไม่ถึงที่ทำงาน ถูกรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์พุ่งชนขณะเดินข้ามทางม้าลาย จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งแม้จะทำใจได้บ้างแล้วแต่เมื่อเห็นรูปลูกของตนก็อดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
น้องลิ้นจี่เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน ช่วยเหลือครอบครัว โดยหลังจากเรียนจบและได้งานทำ ก็บอกว่าจะให้พ่อหยุดเนื่องจากตนมีสุขภาพที่ไม่ดี หลังจากเกิดเหตุคู่กรณีไม่เคยขึ้นไปดูน้องลิ้นจี่เลยไม่เคยขอโทษเลย ทั้งๆ ที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน
จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมาคู่กรณีเดินทางมาที่งานศพและกราบขมา ซึ่งตนเองก็ให้อภัยแต่ส่วนของคดีก็ต้องว่าไปตามคดี น้องเป็นความหวังของครอบครัวแต่สุดท้ายกลับมาเกิดเหตุอย่างนี้อีก ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวตน
อยากจะฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนว่าควรใช้ความระมัดระวังมากกว่านี้ ไม่ใช่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถทำให้เกิดอุบัติเหตุเช่นนี้
เช่นเดียวกับ นางศรีนวล อายุ 67 ปี ยายของน้องลิ้นจี่ บอกว่า เลี้ยงน้องมาตั้งแต่เล็กน้องเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรเป็นเด็กเรียบร้อยตั้งใจเรียน จนกระทั่งเรียนจบก็บอกว่าจะให้พ่ออกจากงานเนื่องจากสุภาพไม่ดี อยากให้พ่อพักบ้างแต่กลับมาเกิดเหตุอย่างนี้ ตนเองรักหลานคนนี้มากแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ด้าน นางมยุรี อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นญาติของน้องลิ้นจี่ บอกว่า หลังเกิดเหตุเพื่อนๆ ของน้องลิ้นจี่เข้าไปถามคู่กรณี แต่กลับถูกพูดจาไม่ดีใส่ทำให้เกิดการโต้เถียงกันบ้าง แต่หลังจากเกิดเหตุคู่กรณีไม่เคยมาเยี่ยมหรือมาพูดคุยอะไรเลย
มีเพียงทางพ่อและแม่ของน้องลิ้นจี่ต้องเป็นคนติดต่อไป เพราะต้องใช้หลักฐานทาง พรบ.รถจักรยานยนต์ในการรักษาตัว ซึ่งคู่กรณีพยายามบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ โดยเพิ่งจะมาที่บ้านเมื่อคืนที่ผ่านมา อ้างว่ากลัวจะไม่ปลอดภัยซึ่งเป็นข้อแก้ตัวที่ไม่น่าฟังนัก
สำหรับศพ น้องลิ้นจี่ หรือ น.ส.วิลาวัณย์ อายุ 22 ปี ทางญาติจะตั้งสวดอภิธรรมศพที่บ้านจนถึงวันอังคารนี้ ก่อนที่จะฌาปนกิจศพในวันพุธที่ 10 ก.ค. ที่วัดกาไสย์ ต.ทางพระ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ