พ่อลูกอ่อนร้องปวีณา ลูกสาวตัวน้อยไปฉีดวัคซีน กลับมาบ้านขาไม่มีแรง
พ่อแม่เมืองกาญจน์ กระเตงลูกร้อง "ปวีณา" หลังพาลูกสาวตัวน้อยเข้ารับวัคซีนตามกำหนด แต่ปรากฏว่ากลับมาบ้านมีอาการขาซ้ายไร้เรียวแรง เสี่ยงพิการถาวร
(9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี รังสิต-นครนายก คลอง 7 ธัญบุรี ปทุมธานี ได้มี นายเชียร อายุ 42 ปี พร้อมด้วย นางนงนุช อายุ 37 ปี และลูกสาววัย 5 เดือนเศษ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ หลังพาน้องไปฉีดวัคซีนเข็มแรกและหยอดโปลิโอ เมื่อตอนอายุ 2 เดือน หลังกลับมาบ้านไม่กี่วันก็มีอาการขาซ้ายอ่อนแรง ถึงขั้นไม่สามารถยกขาซ้ายขึ้นหรือขยับขาได้เลย
นายเชียร กล่าวว่า ตนกับภรรยามีาชีพเก็บของเก่าขาย มีลูกสาว 2 คน คนโตแยกตัวไปมีครอบครัวแล้ว ส่วนลูกสาวคนเล็ก เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ลูกอายุครบ 2 เดือน ตนได้พาลูกไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) แห่งหนึ่งตามกำหนด เป็นวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ตับอักเสบ คอตีบ ไอกรน และหยอดวัคซีนป้องกันโปลิโอ
เมื่อพากลับมาบ้านก็ไม่มีอาการอะไรผิดปกติ แต่พอผ่านไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ เริ่มเห็นความผิดปกติว่าน้องไม่ยกหรือขยับขาซ้ายเลย จึงได้พาลูกไปตรวจที่ รพ.พหลพยุหเสนา เบื้องต้นแพทย์บอกว่า เด็กอาจจะยังเจ็บที่ขาซ้ายจากการฉีดวัคซีน จากนั้นก็นัดไปดูอาการอีกครั้งในวันที่ 3 เมษายน แพทย์ก็แนะนำให้พยายามยกขาลูกบ่อยๆ
ระหว่างนั้นน้องแดงมีอาการอักเสบจากฝีที่ก้นด้วย แพทย์จึงให้ยารักษาก่อนจะนัดมาดูอาการเรื่องขาและเรื่องฝีที่ก้นอีกครั้งในวันที่ 10 เมษายน พอถึงวันตนก็พาลูกไปหาหมอ แพทย์ได้ทำการอัลตร้าซาวน์และซีทีสแกนทั้งร่างกายและสมอง ทำให้ต้องนอนโรงพยาบาลถึง 3 คืน เพื่อรอฟังผลและรักษาฝีที่ก้น
หลังจากนั้นแพทย์ รพ.พหลพยุหเสนา ก็ส่งตัวรักษาต่อที่ รพ.ราชบุรี ช่วงวันที่ 14-17 เมษายน โดยมีการไปตรวจคลื่นไฟฟ้าที่ขาซ้ายทั้งท่อนบนและท่อนล่าง เบื้องต้นเรื่องขาซ้ายแพทย์บอกอาจจะเกี่ยวกับวัคซีนที่ฉีด ส่วนเรื่องฝีที่ก้นอาการดีขึ้นและแพทย์ได้นัดผ่าฝีอีกครั้ง
จากนั้นทาง รพ.ราชบุรี ก็ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.รามาธิบดี ในวันที่ 7 พฤษภาคม แพทย์ทำการตรวจเบื้องต้น เจาะเลือดและพบแพทย์ และนัดไปพบแพทย์อีกครั้งวันที่ 21 มิถุนายน เพื่อทำการเจาะขากระตุ้นไฟฟ้าและพบกับแพทย์ศัลยกรรม แพทย์ระบบประสาท
โดยแพทย์แจ้งว่าอาการของน้องแดงอาจจะเป็นเพราะเส้นประสาทช่วงไขสันหลังเริ่มเสื่อม ซึ่งอาจจะเกี่ยวกับวัคซีนที่หยอดเพื่อไปต้านโปลิโอ แต่กลับมีผลไปกระตุ้นทำให้มีอาการดังกล่าว เป็นเช่นนี้ไม่มียารักษาต้องกายภาพบำบัดอย่างเดียว อาจจะดีขึ้นแต่ไม่หาย จากนั้นแพทย์ก็ยังนัดไปดูอาการต่อเนื่องอีกครั้งในวันที่ 20 สิงหาคมที่จะถึงนี้
“ผมกับภรรยาก็เศร้าใจ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับลูกผมด้วย ปัจจุบันน้องแดงขาก็ลีบลงเรื่อยๆ ที่ผ่านมาต้องวิ่งพาลูกไปรักษาเข้าออกโรงพยาบาลหลายหน มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางจำนวนมาก ผมไม่ได้ทำงานจึงขาดรายได้ ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าใช้จ่าย ทุกวันนี้ลำบากมาก หลังจากที่น้องแดงเป็นอย่างนี้ ผมเคยไปแจ้งให้ทาง รพ.สต.ที่ไปฉีดวัคซีนทราบเรื่องและไปหาคำตาบอยู่ 2-3 หน ทาง ผอ.ก็บอกว่าไม่เคยเจอเคสแบบนี้ ก่อนที่จะประสานไปยังโรงพยาบาลในอำเภอ เพื่อให้ตนพาลูกไปทำกายภาพบำบัด แต่ผมก็ไม่สามารถพาลูกไปได้ทุกวันเพราะต้องทำงานหาเงิน โดยจะไปประมาณ 3 วันต่อสัปดาห์ และก็ช่วยกันกับภรรยาทำเองที่บ้าน” นายเชียร กล่าว
นายเชียร กล่าวต่ออีกว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ทางสาธารณสุขและนายอำเภอเดินทางมาเยี่ยมบ้าน แต่ตนไม่อยู่บ้านเพราะพาลูกไปฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 ที่อำเภอ โดยครั้งนี้ก็เป็นการฉีดกระตุ้นป้องกันบาดทะยักกับโปลิโอ ซึ่งตนได้แจ้งเรื่องให้แพทย์ทราบจึงได้เปลี่ยนวิธีการหยอดโปลิโอเป็นการฉีดแทน เมื่อกลับมาบ้านก็มีไข้ขึ้นไม่มากแล้วก็หาย
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มาเยี่ยมบ้านเมื่อไม่เจอตนกับลูกก็เดินทางกลับไป ทั้งนี้ตนอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเยียวยา หาทางรักษาลูกของตนเพราะเสี่ยงที่โตมาจะต้องเป็นคนพิการ และเกรงว่าเรื่องของตนจะเงียบและถูกลืม และอยากทราบถึงสาเหตุที่ลูกเป็นเช่นนี้ จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวได้มีการแจ้งมาทางเพจเฟซบุ๊กมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี โดยเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.สรรเสริญ แสงเนตรสว่าง ผกก.สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เพื่อให้นายเอกได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่นายเอกจะพาภรรยาและลูกน้อยเดินทางเข้าร้องทุกข์ด้วยตนเองในวันนี้
ทั้งนี้ตนได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมกับทางมูลนิธิปวีณาฯ ว่า ขณะที่ไปพบ พ.ต.อ.สรรเสริญ ที่สภ.พนมทวน ได้มีนายอำเภอพนมทวน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเดินทางมาพบตน พร้อมสอบถามข้อมูลต่างๆ และแจ้งว่าจะนำเรื่องดังกล่าวส่งให้สาธารณสุขจังหวัดตรวจสอบอีกครั้ง และก่อนเดินทางกลับพ.ต.อ.สรรเสริญ เกิดความสงสารน้องแดงได้มอบเงินช่วยเหลือเป็นค่าเดินทางให้ตนจำนวนหนึ่ง
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ทางมูลนิธิปวีณาฯ จะประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุขให้ช่วยตรวจสอบหาสาเหตุให้ชัดเจน และให้ความช่วยเหลือรักษาโดยเร็วที่สุด ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามผลสรุปสาเหตุขาอ่อนแรงที่เกิดขึ้นและช่วยเหลือให้ดีที่สุด เพราะหากรักษาไม่ได้ทันท่วงทีน้องอาจจะต้องพิการไปตลอดชีวิต
ทั้งนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีแม่คนหนึ่งชาว จ.ลพบุรี มาร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ว่า ลูกสาว 2 ขวบ ไปฉีดวัคซีนตามกำหนด ซึ่งขณะนั้นเด็กมีไข้อยู่ แต่แพทย์ก็ฉีดวัคซีนให้ เมื่อกลับมาบ้านเกิดมีไข้ขึ้นสูงจนช็อกพาส่งรักษา แพทย์พยายามให้การช่วยเหลือแต่ก็เสียชีวิตในที่สุด ซึ่งยังต้องรอผลจากสถาบันนิติเวชว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางกระทรวงสาธารณสุขช่วยตรวจสอบเรื่องของน้องแดงและให้ความช่วยเหลือโดยด่วน พร้อมหาสาเหตุและแนวทางการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำรอยกับเด็กคนอื่นๆ อีก