โรงพยาบาลโร่ชี้แจง สาวโวยพ่อขาดใจตาย นั่งรอพบหมอนาน กว่าจะได้รักษา

โรงพยาบาลโร่ชี้แจง สาวโวยพ่อขาดใจตาย นั่งรอพบหมอนาน กว่าจะได้รักษา

โรงพยาบาลโร่ชี้แจง สาวโวยพ่อขาดใจตาย นั่งรอพบหมอนาน กว่าจะได้รักษา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาวเบตงโพสต์ร่ำไห้ พ่อสิ้นใจเสียชีวิต หลังต้องนั่งรถวีลแชร์รอพบหมอที่จุดคัดกรองโรงพยาบาล กว่าจะได้รับการตรวจรักษา ก็สายไปแล้ว

(9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องราวที่โพสต์แชร์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Jiratchaya R..." ที่โพสต์ภาพและข้อความเล่าถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นกับพ่อของตัวเอง ระหว่างเข้ารอคิวรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ยะลา โดยระบุว่า พ่อมีอาการป่วย แต่มาเสียชีวิตคารถวีลแชร์เพราะต้องนั่งรอคอยตรวจโรคนานไป กลายเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงในโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก

ล่าสุดได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ น.ส.จิรัชญา อายุ 41 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างช่วยญาติๆ จัดพิธีงานศพของ นายกลมชัย อายุ 72 ปี ผู้เป็นพ่อ อยู่ที่สมาคมปาดไกว อ.เบตง จ.ยะลา โดยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า พ่อของตนป่วยเป็นโรคชิคุนกุนยา เจ็บข้อเดินไม่ได้ อาการเริ่มทรุดลง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม จึงได้พาไปโรงพยาบาล เมื่อถึงจุดคัดครองก็รอคิวรักษา

หลังจากวัดความดันเสร็จแล้ว ก็มานั่งคอยเข้าตรวจ รอคิวอยู่นานมาก มีการแทรกคิวเข้ามาตลอดเวลา ตั้งแต่ช่วงบ่ายลากยาวไปถึงช่วงเย็น ตนก็ถามเจ้าหน้าที่ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นพ่อเริ่มมีอาการตัวเย็น เสื้อเปียก ไม่พูดอะไรสักคำ ตนจึงเข็นรถไปหาเจ้าหน้าที่ วัดความดันอีกครั้งก็พบว่าความดันต่ำมาก จึงรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินไปทันที

ต่อปรากฏว่าเพียงไม่นาน เวลาประมาณ 17.00 น. ก็ได้รับแจ้งว่า พ่อเสียชีวิตลงแล้ว ทำให้ตนรู้สึกว่าทำไมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลถึงให้บริการล่าช้า ปล่อยให้รอตรวจโรค กระทั่งถึงแก่ชีวิต จึงได้เล่าเรื่องราวแชร์ลงเฟซบุ๊ก เพื่อหวังจะให้มีการปรับปรุงแก้ไขด้านการบริการของโรงพยาบาล

ขณะที่ล่าสุด นพ.ยุทธนา รุ่งธีรานนท์ นายแพทย์ชำนาญการ อายุรแพทย์โรงพยาบาลเบตง ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของคนไข้ ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีนี้ได้รับตัวคนไข้จากห้องฉุกเฉิน ประเมินอาการโดยรวมไม่คงที่ มีอาการมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นเร็ว ประมาณ 130 ครั้งต่อนาที และภาวะความดันต่ำ ทางแพทย์ก็รีบช่วยดูแลรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนสาเหตุที่คนไข้เสียชีวิตเนื่องจากมีภาวะช็อกจากการติดเชื้อ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ประกอบกับคนไข้มีความดันลดต่ำ

ทางด้าน แพทย์หญิงปัทมพันธ์ อนันตาพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง จ.ยะลา ได้ออกมาชี้แจงในประเด็นนี้ว่า ทางโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการเรียกประชุมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารต่างๆ กล้องวงจรปิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อหาสาเหตุ

แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เจ้าหน้าที่คัดกรองเป็นพนักงานเวชกิจฉุกเฉิน ได้ตรวจอาการผู้ป่วยก่อน เพื่อแบ่งระดับความหนัก-เบาของผู้ป่วย หากผู้ป่วยที่มีอาการหนักก็จะนำเข้าห้องฉุกเฉิน เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ในกรณีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่จุดคัดกรองได้ตรวจวัดความดันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในขณะนั้นวัดความดันได้ 144/ 80 ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่ปกติ จึงได้จัดเป็นผู้ป่วยในโซนสีเขียวคือเจ็บป่วยเล็กน้อย จึงได้จัดให้นั่งคอยตามคิวลำดับ

ส่วนประเด็นที่ว่ามีการแซงคิว เนื่องจากมีผู้ป่วยที่มาทีหลัง ถูกจัดให้เป็นผู้ป่วยในระดับที่วิกฤตกว่า ทำให้ต้องมีการช่วยเหลือก่อน กระทั่งมาตรวจวัดความดันผู้ป่วยอีกครั้ง พบว่าความดันลดไปอยู่ที่ 75/38 ถูกจัดเป็นผู้ป่วยในโซนสีชมพู คือ เจ็บป่วยรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวเข้าห้องฉุกเฉินก่อน

ส่วนที่มีภาพถ่ายว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีความดันระดับต่ำ ได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นค่าการวัดความดันของผู้ป่วยที่เจ้าหน้าที่ได้นำเข้าห้องฉุกเฉินไปก่อนหน้านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้กดรีเซตเครื่อง

สำหรับเหตุการณ์นี้ เนื่องจากภายในห้องฉุกเฉินก็มีผู้ป่วยอาการหนักอยู่ พนักงานเวชกิจฉุกเฉินโรงพยาบาลเบตง ซึ่งมีหน้าที่ให้การช่วยเหลือคนไข้หรือผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บ เช่น การให้น้ำเกลือ การใช้ท่อช่วยหายใจ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การดูแลคนไข้บนรถพยาบาลฉุกเฉินจนถึงโรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เรียนจบทางด้านเวชกิจฉุกเฉินจะประจำอยู่ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล และในบางครั้งออกมาช่วยเหลือผู้ป่วยอาการหนักหรือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุด้วยนอกโรงพยาบาลด้วย จึงได้มาช่วยที่บริเวณจุดคัดกรอง ทำให้ญาติคนไข้อาจไม่เข้าใจว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook