เปิดปมฆ่าโหดเจ้าสำนักสงฆ์ "พระสมจิต" โดนพระลูกศิษย์เนรคุณเผาทั้งเป็นคากุฏิ

เปิดปมฆ่าโหดเจ้าสำนักสงฆ์ "พระสมจิต" โดนพระลูกศิษย์เนรคุณเผาทั้งเป็นคากุฏิ

เปิดปมฆ่าโหดเจ้าสำนักสงฆ์ "พระสมจิต" โดนพระลูกศิษย์เนรคุณเผาทั้งเป็นคากุฏิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากพระสมจิต หรือ หลวงพ่อแต อายุ 53 ปี เจ้าสำนักสงฆ์ บ้านโพนทอง หมู่ที่ 3 ต.หนองพันทา อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ถูกคนร้ายฆ่าโหด เอาน้ำมันราดหวังเผากุฏิอำพราง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา

>> ฆ่าเปลือยพระนักบุญเจ้าสำนักสงฆ์ เอาน้ำมันราดหวังเผากุฏิอำพราง

ล่าสุด (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าา ชุดสืบสวนตำรวจธรภาค 4 ตามไปจับกุมตัวได้ที่จังหวัดศรีสะเกษจำนวน 3 คน มีพระ 1 รูปและโยมอีก 2 คน ก่อนคุมตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาสอบสวนที่ อ.โซ่พิสัย ประกอบไปด้วย อดีตพระบัญชา อายุ 37 ปี, นายทนงศักดิ์ อายุ 43 ปี และนายสมุทร์ อายุ 67 ปี โดยหลังจากแยกสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ ก่อนจะนำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

นายพรนิพล หรือ บี้ อายุ 47 ปี ลูกศิษย์และเป็นโยมอุปัฏฐากนายพรนิพล หรือ บี้ อายุ 47 ปี ลูกศิษย์และเป็นโยมอุปัฏฐาก

จากการสอบถาม นายพรนิพล หรือ บี้ อายุ 47 ปี ลูกศิษย์และเป็นโยมอุปัฏฐาก ซึ่งปวารณาตัวเองจะถวายอาหารเช้าทุกวันแล้วก็ถวายค่าน้ำค่าไฟทุกเดือน แก่พระสมจิต หรือ ขันติธโร หรือ หลวงพ่อแต กล่าวว่า พระบัญชา อายุ 37 ปี ผู้ลงมือก่อเหตุเป็นลูกศิษย์ที่ผู้ตายให้ความไว้วางใจรักเสมือนเป็นลูก ถึงขนาดได้ส่งเสียให้เรียนหนังสือ รับเป็นลูกบุญธรรมยอมให้ใช้นามสกุลด้วย แต่มาเณรคุณรอบทำร้ายอาจารย์ตัวเองซึ่งเป็นผู้มีพระคุณถึงแก่มรณภาพอย่างทารุณ

นายพรนิพล เล่าถึงสาเหตุความขัดแย้งของพระลูกศิษย์กับพระอาจารย์ ถึงขนาดโกรธแค้นมา 2-3 ปียังไม่สร่างซาต้องฆ่ากันให้ตายเป็นเพราะว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.2560 ทางพระบัญชาได้นำกฐินจากกรุงเทพฯมาเพื่อทอดถวายหาเงินสมทบซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก 3 ไร่ข้างสำนักสงฆ์เพื่อเพิ่มให้เป็น 6 ไร่ ให้เข้าหลักเกณฑ์ในการขอจัดตั้งวัด ในครั้งนั้นทางหลวงพ่อสมจิตหรือหลวงพ่อแต ได้รับถวายองค์กฐินจากชาวบ้านตำบลเหล่าทองที่อยู่ใกล้กัน

แต่หลังจากนั้นอีก 2 วันพระบัญชาได้นำองค์กฐินร่วมกับญาติโยมมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาทอดถวายเช่นกัน แต่เนื่องจากว่าตามประเพณีการรับองค์กฐินวัดหนึ่งจะสามารถรับได้ครั้งเดียวต่อปี ทำให้หลวงพ่อแตไม่สามารถจะรับกฐินองค์ที่พระบัญชานำมาถวายได้ ทำให้พระบัญชาต้องเสียหน้าถูกญาติโยมที่นำกฐินมาด้วยต่อว่าต่อขาน

อีกสาเหตุหนึ่งก็คือก่อนหน้านี้พระบัญชาได้นำญาติโยมผู้มีจิตศรัทธานำรถมาถวายกับหลวงพ่อแต แต่หลวงพ่อไม่มีคนขับให้จึงได้นิมนต์พระ4 รูปมาอยู่ด้วยช่วยงานในการทำสมุนไพรและช่วยขับรถพาไปไหนมาไหน จึงสร้างความไม่พอใจให้กับพระบัญชาถึงขนาดมาขึ้นมาจากกรุงเทพฯ ขับไล่พระ 4 รูปนั้นออกจากวัดไป และยังกล่าวหาพระเสพเมถุนด้วย

ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในช่วงจำพรรษา หลวงพ่อแตได้ปวารณาไม่พูดจากับใครจนกว่าถึงวันออกพรรษา จนหลวงพ่อต้องเสียสัจวาจาพูดกับพระบัญชาว่าอย่าพึ่งให้พระ 4 รูปออกไปจากวัดเลย อีก 5 วันก็จะออกพรรษาแล้วค่อยให้ท่านไปได้ แต่พระบัญชาไม่ยอมทำให้เกิดการขัดแย้งกันขึ้นกับหลวงพ่อแต และที่สุดพระบัญชาก็ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวกลับไปใช้เอง

ด้าน พล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผบก.ภ.จ.บึงกาฬ กล่าวว่า หลังจากจับกุมผู้ต้องหามาได้ 3 คนแยกกันสอบสวนโดยผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพ โดยนายทนงและนายสมุทร์อ้างว่าพระบัญชาจ้างวานให้มาขนต้นเทียนเข้าพรรษาเป็นเงินจำนวน 10,000บาท โดยไม่รู้ว่าจะมีการฆาตกรรมกันเกิดขึ้น

ขณะขับรถมาถึงปากทางเข้าวัดพระบัญชาให้จอดรออยู่ข้างทาง พระบัญชาและพระสีถือแกลลอนน้ำมันเดินเข้าไปยังที่พักสงฆ์ดังกล่าว จึงมาทราบภายหลังว่ามีการฆาตกรรมพระด้วยกันขึ้นก็รู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำของพระในครั้งนี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ขอหมายศาลออกหมายจับพระสีอีกรูปหนึ่งที่ร่วมกันกระทำความผิดในครั้งนี้ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน และตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook