กอ.รมน.ยันไม่มีสิทธิเรียกปรับทัศนคติ-กักตัว คนเห็นต่างทางการเมือง
กอ.รมน. แจงอำนาจมี พ.ร.บ. ความมั่นคง เป็นเครื่องมืออยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับ คำสั่ง คสช. ยันไม่มีสิทธิเรียกบุคคลใดมาปรับทัศนคติ และกักตัว รวมถึงคนเห็นต่างทางการเมือง
พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า เมื่อ คสช.สิ้นสุดลง รัฐบาลใหม่เข้าถวายสัตย์ฯ กอ.รมน. ก็ยังทำงาน ดูแลความมั่นคง ในสถานการณ์ปกติต่อไป ในฐานะหน่วยประสานงาน และ แม้ว่าจะมีคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 อยู่ แต่ กอ.รมน. ก็ไม่ได้มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องใช้ เพราะ กอ.รมน. มีพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร 2551 อยู่แล้ว หากเกิดสถานการณ์ใด ก็สามารถแก้ปัญหาด้วยประกาศพื้นที่ความมั่นคง ตามมาตรา 15 และมาตรา 16 ได้
เมื่อมีสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงเกิดขึ้น ก็จะประกาศเป็นพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามมาตรา 15 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เมื่อมีการประกาศแล้วก็จะต้องมีการใช้กำลังตาม มาตรา 16 กอ.รมน.เลือกว่าจะใช้อำนาจหน้าที่อย่างไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่า พ.ร.บ.ความมั่นคง2551 ไม่ได้ให้อำนาจในการควบคุมตัว หรือเรียกใครมาปรับทัศนคติได้ โดย กอ.รมน. เป็นแค่หน่วยประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ หากจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย ก็สามารถใช้กฎหมายปกติ ของหน่วยราชการ ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหานั้นได้ ไม่สามารถใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในการเชิญตัวมาได้
ในส่วนของ มาตรา 13/1 ที่ให้อำนาจคณะกรรมการอำนวยการ กอ.รมน. ระดับจังหวัด เชิญตัวบุคคลมาได้นั้น ไม่ใช่การเชิญมาปรับทัศนคติ แต่เป็นการเชิญมาให้ข้อมูล ในกรณีที่มีประเด็นสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน หรือจังหวัด ที่ต้องการความเห็นเพิ่มเติม แต่ยังขาดข้อมูลจากบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็สามารถเชิญมาได้ และ สามารถเชิญมาให้ความร่วมมือในการทำเรื่องดีๆ ให้กับจังหวัดและในพื้นที่ได้ได้ด้วย
นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติในพื้นที่ ก็สามารถเชิญบุคคล หรือตัวแทนหน่วยงานต่างๆ มาร่วมประชุมเพื่อแก้ปัญหาในทันทีทันใดได้เช่นกัน
"ขอยืนยันว่าพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไม่ได้เชิญตัวบุคคลมาสอบปากคำ หรือ กักขัง เพราะเป็นกฎหมายคนละอย่างกับ คสช. และกอ.รมน.ก็เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับสำนักงานนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่กองทัพ กฎหมายนี้ กอ.รมน.จะพยายามใช้โดยที่ไม่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน เน้นใช้กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไม่ได้มีอำนาจเรียกบุคคลที่เห็นต่างทางการเมืองเข้ามาพูดคุย รวมถึงการเคลื่อนไหวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ขณะนี้เดินสายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับต่างประเทศด้วย" พล.ต.ธนาธิป กล่าว