สยองกลางร้าน! ผัวโมโหเมียหนีมากินสุกี้ ยกหม้อร้อนๆ สาดใส่เพื่อนเจ็บสาหัส

กล้องวงจรปิดจับภาพนาทีสยองกลางร้านอาหาร เมื่อสามีบุกมาตามภรรยากับลูกถึงร้านอาหาร โมโหที่ไม่ยอมอยู่เฝ้าดูพ่อที่กำลังป่วย ยกหม้อร้อนๆ สาดใส่เพื่อนร่วมโต๊ะอย่างจัง

สำนักข่าวประเทศจีนรายงานว่า เกิดเหตุระทึกขวัญกลางร้านสุกี้หม้อร้อนที่เมืองจีน เมื่อชายคนหนึ่งอารมณ์ร้อนและโมโหสดขั้ว ได้ยกหม้อร้อนเทสาดใส่ชายคนหนึ่งอย่างตั้งใจ ส่งผลทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ เคราะห์ดีที่น้ำซุบไม่กระเด็นถูกเด็กน้อยที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะด้วย

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านสุกี้หม้อร้อนแห่งหนึ่งในลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน เผยให้เห็นภาพลูกค้าหญิง 2 คน ชาย 1 คน และเด็กตัวน้อยอีกคน นั่งทานสุกี้หม้อร้อนอยู่ภายในร้าน ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะเดินมาหาพวกเขาที่โต๊ะ ก่อนจะออกปากต่อว่าต่างๆ นานาและอารมณ์เดือดถึงขั้นจับหม้อร้อนสาดใส่ชายที่นั่งทานสุกี้อยู่

ตามรายงานระบุว่า ชายผู้ก่อเหตุเป็นสามีของผู้คนหนึ่งบนโต๊ะอาหาร เธอได้พาลูกน้อยของเธอมาทานอาหาร พร้อมกับเพื่อนๆ ของเธออีก 2 คน ในระหว่างที่ทั้งหมดกำลังนั่งทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ชายผู้ก่อเหตุก็เข้ามาต่อว่า พูดว่า "พ่อนอนป่วยซมอยู่ที่บ้าน แต่เธอกลับมานั่งกินข้าวหรูๆ ที่นี่ได้อยู่อีกนะ"

ชายคนดังกล่าวยังมีทีท่าระเบิดอารมณ์กลางร้านอาหารขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฝ่ายภรรยาต้องลุกขึ้นไปห้ามและปลอบใจ หวังจะให้สงบสติอารมณ์ ก่อนที่เขาจะเดินวนไปอีกฝั่งของโต๊ะอาหาร แล้วจับหม้อร้อนๆ ยกเทสาดใส่เพื่อนชายของภรรยาทันที ความร้อนของซุปสาดถูกใบหน้าและร่างกายของหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย เบื้องต้นพบว่าเขามีบาดแผลถูกน้ำร้อนลวกระดับ 3

ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวถูกแชร์ไปทั่วโซเชียลมีเดียเมืองจีน ก่อนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม บางคนยังบอกว่าชายผู้นี้ควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ เกรงว่าสักวันเด็กเขาอาจจะลุกขึ้นมาทำร้ายภรรยากับลูกตัวเองก็ได้

ทั้งนี้ ภาพจากคลิปเหตุการณ์ครั้งนี้ยังมีการสังเกตว่า เด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ถือว่าเคราะห์ดีเป็นอย่างมาก ที่พ่อของเขาไม่ได้สาดน้ำร้อนๆ กระเด็นใส่เขาและได้รับบาดเจ็บไปอีกราย อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปสอบสวน ชายผู้ก่อเหตุได้สำนึกผิดและรู้สึกแย่ที่ก่อเหตุดังกล่าวใส่ผู้อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย

ขณะที่ครอบครัวของชายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุครั้งนี้ ระบุว่า แพทย์ต้องทำการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังอีกหลายครั้ง แต่ล่าสุดจำเป็นต้องให้หยุดการรักษาเอาไว้ก่อน เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูงมาก ล่าสุดต้องแบกรับค่าใช้จ่ายไปกว่า 130,000 บาทแล้ว