จับคาผ้าเหลือง พระแก๊งฆ่าเผาทั้งเป็น "หลวงพ่อแต" เล่าหมดเปลือกนาทีสังหารโหด

จับคาผ้าเหลือง พระแก๊งฆ่าเผาทั้งเป็น "หลวงพ่อแต" เล่าหมดเปลือกนาทีสังหารโหด

จับคาผ้าเหลือง พระแก๊งฆ่าเผาทั้งเป็น "หลวงพ่อแต" เล่าหมดเปลือกนาทีสังหารโหด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 09.00 น. (18 ก.ค 62) พ.ต.ท ภควัฒน์ บงแก้ว รอง ผกก.สอบสวน สภ.โซ่พิสัย อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ได้ควบคุมตัวอดีต พระบุญศรี อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 คนทีมจุดไฟเผาทั้งเป็น หลวงพ่อแต หรือ พระสมจิต อายุ 53 ปี เพื่อนำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบึงกาฬ หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 3 ราย ชาวบ้าน 2 คนกับพระอีก 1 รูปรวมครบ 4 คนทีมฆาตกรรมเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแตที่มี 1.อดีตพระบัญชา หรือ นายบัญชา อายุ 37 ปี 2.นายทนงศักดิ์ อายุ 43 ปี และ 3.นายสมุทร์ อายุ 67 ปี รวมเป็น 4 คนครบตามคำให้การและซัดทอดของจำเลย

อดีตพระบุญศรี ผู้ต้องหารายที่ 4 ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ระบุว่า ก่อนลงมือนำผ้าเหลืองชุบน้ำมันราดเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแตว่า ตนเคยมาบวชศึกษาหาความรู้อยู่กับหลวงพ่อแตเมื่อประมาณหลายปีก่อน ขณะที่บวชอยู่ที่นี่ก็ถูกผู้ตายชอบพูดจาดูถูกเหยียดหยามดุด่า จึงเก็บความแค้นไว้ในใจ ก่อนจะมาก่อกรรมชั่วในครั้งนี้ อดีตพระบัญชาจำเลยที่ถูกจับมาก่อนเป็นญาติกันและอยู่บ้านเดียวกันได้มาชักชวนว่าให้มาสั่งสอนหลวงพ่อแตช่วยหน่อย ตนมีความหลังที่เจ็บแค้นอยู่ในใจอยู่แล้วจึงตัดสินใจมาช่วย โดยอดีตพระบัญชาได้ออกอุบายว่าจ้างให้นายสมุทร วันอุบล อายุ 57 ปีเจ้าของรถ กระบะมิตซูบิชิสีบรอนซ์ ทะเบียน ตต 9245 กรุงเทพฯมหานคร อ้างว่าจะพาไปขนต้นเทียนเข้าพรรษาที่กรุงเทพฯ แต่ขอให้พามาธุระที่จังหวัดบึงกาฬเสียก่อนจึงย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ

อดีตพระบุญศรีเล่าต่อไปว่าขณะที่เดินทางมาถึงจังหวัดบึงกาฬประมาณบ่าย 4 โมงวันที่ 5 ก.ค.ได้พากันไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอปากคาด เพื่อวางแผนฆาตกรรมโหด เมื่อประมาณเที่ยงคืนวันที่ 5 ก.ค. อดีตพระบัญชาได้ซื้อสุราขาวขวดเล็กมาให้ตนเองดื่มย้อมใจเสียก่อน จากนั้นจึงได้เปลี่ยนสบงจีวรเป็นเสื้อผ้าชุดลายพรางทหาร ทั้งสองคนออกเดินทางไปยังเป้าหมายที่สำนักปฏิบัติธรรมพระประเสริฐเกิดทรัพย์ บ้านโพนทอง ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย

>> เปิดปมฆ่าโหดเจ้าสำนักสงฆ์ "พระสมจิต" โดนพระลูกศิษย์เนรคุณเผาทั้งเป็นคากุฏิ

เมื่อรถมาถึงปากทางเข้าสำนักสงฆ์ประมาณเวลาเกือบตี 1 ของวันที่ 6 ก.ค อดีตพระบัญชาสั่งให้หยุดรถโดยให้นายทนงศักดิ์และนายสมุทร์ นั่งรอในรถ ส่วนพวกตนได้ถือเอาแกลลอนน้ำมันคนละ 2 แกลลอน เดินถือไปที่กุฎิหลวงพ่อแตที่นอนหลับอยู่ เมื่อไปถึงอดีตพระบัญชาสั่งให้ตนทุบกระจกบานหน้าต่าง ด้วยความมึนเมาสุราขาวตนจึงใช้กำปั้นทุบกระจกบานหน้าต่างจนแตก ทำให้นิ้วโป้งด้านขวาถูกกระจกบาดเป็นแผลเลือดไหล จากนั้นจึงพากันเอาน้ำมันซึ่งมีทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันก๊าดชุบผ้าเหลืองที่เตรียมมามัดใส่ไม้ไผ่โยนทางช่องหน้าต่างที่ทุบแตก เข้าไปภายในห้องนอนของหลวงพ่อแต ซึ่งก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้วยความตกใจ จึงได้โยนผ้าชุบน้ำมันเข้าไปซ้ำอีก 1 ไม้ พร้อมทั้งแกลลอนน้ำมันสาดเข้าไปเพิ่ม หวังเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแต ตนนอกจากถูกกระจกบาดที่นิ้วมือแล้วก็ยังมีหมวกใส่คลุมปิดใบหน้าถูกไฟไหม้ไปด้วย จึงได้ถอดโยนทิ้งในที่ข้างกุฎิเกิดเหตุ

จากนั้นก็พากันวิ่งไปขึ้นรถที่นายสมุทร์จอดรออยู่ทำให้มีเสียงสุนัขบ้านที่อยู่ปากทางใกล้รถจอดเห่าหอน แล้วเข้าไปที่กรุงเทพฯ เพื่อไปเอาต้นเทียนพรรษาแล้วก็กลับมาที่บ้านจังหวัดศรีสะเกษ รอฟังข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อแตจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับได้ดังกล่าว

ทางด้าน พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา ผกก.สภ.โซ่พิสัย กล่าวว่าถือเป็นการปิดคดีฆาตกรรมเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแตได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะได้ผู้ต้องหาครบทั้ง 4 คนตามแนวทางการสืบสวนสอบสวน สาเหตุมาจากการขัดผลประโยชน์ แต่ที่ใส่ประเด็นชู้สาวกับเรื่องเงินกู้เข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้ก็เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้คนร้ายไหวตัวเท่านั้น จึงขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาและทีมงานสืบสวนสอบสวนที่ช่วยกันจัดการคดีให้เรียบร้อยไม่ถึง 10 วันหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นคดีสะเทือนทั้งขวัญและสะเทือนใจพี่น้องชาวพุทธในวันเข้าพรรษา ที่ได้เห็นและได้ยินข่าวพระฆ่าพระด้วยกัน

และเมื่อวานนี้หลังจากตามจับตัวอดีตพระบุญศรี ผู้ต้องหาคนที่ 4 มาได้ ก็ทำการสอบสวนทันที ซึ่งผู้ต้องหาก็ยอมรับสารภาพทุกอย่าง จึงพาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทันทีในที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันชาวบ้านมามุงดูแล้วเกิดอารมณ์เคียดแค้นเข้ารุมประชาทัณฑ์เหมือนอย่างวันแรกที่นำ 3 ผู้ต้องหาไปทำแผนก่อนนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook