ไกรสร ยันแฟน-แม่ยายชักใยพระเพชร
ไกรสร แสงอนันต์ สามีราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ระบุ แฟนสาวและแม่ยายอยู่เบื้องหลังพระเพชรจนทำให้เปลี่ยนเป็นคนละคนกับเมื่อก่อน เตรียมแถลงปัญหาครอบครัววันนี้ เผยเทปลับที่มีเสียงของ พุ่มพวง ถือว่าเป็นการเข้าใจผิด เพราะผู้พูดอยู่ในช่วงของการน้อยใจ
(16มิ.ย.) เช้าวันนี้นายไกรสร แสงอนันต์ สามีพุ่มพวง ดวงจันทร์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนจะแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จะให้สื่อมวลชนสามารถถามได้ทุกคำถาม และตนก็จะตอบในทุกคำถามเช่นกัน ส่วนกรณีการสร้างหุ่นขี้ผึ้งแบบเหมือนพุ่มพวง ดวงจันทร์ เรื่องนี้พระเพชรก็น่าจะเข้ามาปรึกษาหารือญาติๆ ของพุ่มพวง ซักหน่อย ประเด็นนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า จะสร้าง หรือไม่สร้าง หรือว่าจะนำหุ่นไปไว้ที่ไหน หรืองบประมาณเท่าไร แต่ที่สำคัญคือควรที่จะมีการปรึกษากับทางญาติก่อน ส่วนตนนั้นที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบริจาคเงินเลย โดยเฉพาะเงินที่ได้รับมาจากประชาชน และญาติของพุ่มพวง ก็ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
นายไกรสร กล่าวว่า กรณีเทปลับที่มีการเผยแพร่นั้น อันที่จริงแล้วเทปนี้เคยถูกเปิดมานานแล้วครั้งหนึ่ง และตนก็แจ้งความกับคนที่นำมาเผยแพร่ไปแล้วด้วย ซึ่งเทปที่มีเสียง พุ่มพวง เป็นคนพูดทั้งหมดนั้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นการเข้าใจผิด และพระเพชรก็สามารถคิดได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา ส่วนที่พุ่มพวง ออกมาพูดเช่นนั้น ก็อาจจะเข้าใจผิด และเกิดจากการน้อยใจในช่วงเวลานั้น
"ผมอยากฝากไปถึงลูกว่า กรณีที่เกิดขึ้น ถือว่าไม่ใช่ความคิดของพระเพชร อาจจะมีใครอยู่เบื้องหลัง และสิ่งที่พุ่มพวง พูดในเทป ก็ไม่ได้จริงทั้งหมดเช่นกัน และญาติๆของพุ่มพวง ก็ออกมาบอกแล้วด้วยว่า ไม่ได้เป็นความจริง โดยเรื่องนี้ก็มีการให้อภัยกันหมดแล้ว" นายไกรสร กล่าว
นายไกรสร กล่าวว่า ในช่วงที่พุ่มพวง กำลังร้องเพลงอยู่นั้น ตนก็กำลังแสดงหนังอยู่เช่นกัน โดยพุ่มพวง ขอร้องให้ตนเลิกเล่นหนัง และให้มาดูแลเขาแทน เพราะเขาบอกว่า เขาสามารถหาเงินได้เยอะกว่าจากการแสดงหนังของตน ทำให้ตนต้องยุติการแสดงทั้งหมด และหันมาดูแลและเอาใจใส่เขา โดยทำหน้าที่ขับรถคอยรับส่งบ้าง ดูแลทุกๆเรื่องให้เขา ทั้งนี้ระหว่างนั้นก็จะมีการลงชื่อคู่กันตลอด คือ "ไกรสร-พุ่มพวง" ในการซื้อคอนโด และที่ดินบางส่วนที่มีราคาถูก และก็ไม่ได้มีเงินมากถึงขนาด 50-100 ล้านบาท อย่างที่เคยเป็นข่าวออกไป
"ไกรสร แสงอนันต์" กล่าวผ่านรายการ"ไนท์เอ็นเตอร์เทน" ทางช่อง 9 วานนี้(15มิ.ย.) ว่า "เหตุที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา คือวันเสาร์ที่ผ่านมา(13 มิ.ย.) ที่เกือบจะทำให้เกิดเรื่องรุนแรง ผมแค่อยากถามว่าทำไมถึงไม่บอกพ่อเรื่องบวช และก็ถามเรื่องหุ่น(หุ่นของพุ่มพวง)แต่เรื่องมันมารุนแรงเพราะเขาคุ้ยเรื่อง เก่าๆ มาพูด ต่างฝ่ายต่างขุดคุ้ยมา แต่ผมเปล่านะ ทางโน้นเริ่มมาก่อน ทางญาติพุ่มพวงเลยโต้ตอบไป แล้วทีนี้แย้งกันไปมา เหตุมันเริ่มไปกันใหญ่ มากเข้าเลยกลายเป็นว่า น้องฆ่าแม่พี่ชายพี่น้องฆ่าแม่ เท่านั้นแหละญาติพุ่มพวง ทนไม่ได้ เพราะว่าเขาเป็นคนกตัญญู เลยพูดขึ้นมาทันทีว่า ลูกต้องกราบขอโทษพ่อเดี๋ยวนี้ แต่ต่างคนต่างไม่ยอม เลยเป็นเหมือนภาพที่เห็นในข่าวครับ"
"ผมไม่รู้ว่าปมเรื่องพ่อฆ่าแม่ พี่น้องฆ่าแม่ ยายฆ่าแม่ไปอยู่ในหัวเขาได้อย่างไง ผมก็อยากรู้ ไอ้พวกใส่ข้อมูลมันเป็นไวรัส ญาติพี่น้องพุ่มพวงก็อยากจะรู้ ว่าปมนี้ไปอยู่ในหัวเขาได้อย่างไง ตอนนั้นอายุเขาแค่ 4-5 ขวบด้วยซ้ำ ผมลองนึกดูแล้วนะ ถ้าไม่มีคนสอน ไม่มีคนชี้แนะ คือผมเลี้ยงมา 18 ปี ดีมาตลอด เพิ่งมาเสียคนเมื่อสามปีนี้เองเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะอยู่กับใคร อย่างที่ข่าวเคยบอก ว่าเพียงไม่กี่เดือนเขาก็ด่าพ่อด่าแม่ แล้วก็กลายเป็นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าอะไรทำไมทำให้คิดอย่างนี้ เจอกันแค่เพียงไม่กี่วัน กับ 18 ปีทำไมถึงเป็นแบบนี้"
"คือไม่อยากจะพูด เพราะมันจะยิ่งแย่ไปใหญ่ที่เอามาพูด ยืนยันได้คำเดียวว่าไม่ใช่สมองของน้องเพชร น้องถูกครอบงำ เชื่อเขามาแน่นอน เชื่ออย่างโบราณก็ถูกของ ถูกอะไรก็ว่าไปครับ(หัวเราะ)"
ถามถึงเหตุผล ที่ทำไมไม่เห็นด้วยที่ลูกชายจะสร้างหุ่นพุ่มพวง เจ้าตัวชี้แจงว่า เพราะเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลหลายๆ อย่าง กลัวลูกชายถูกหลอกเป็นเครื่องมือ
"ผมไม่เห็นด้วยเพราะว่าหนึ่ง เขาไม่มาปรึกษา สองชัดเจนก็ไม่ชัดเจน สร้างไม่รู้มูลค่าเท่าไหร่ สร้างยังไง สร้างแล้วเอาไปไว้ที่ไหน แล้วเรื่องเรี่ยไรเงินประชาชน แล้วทางญาติพุ่มพวงมาปรึกษาผม แต่ว่าถ้าน้องเพชรมาคุยกับทางผม หรือทางญาติสักนิด เรายินดีที่จะช่วยกันด้วยซ้ำไป ว่าทำให้มันดีๆ ไปเลยนะ มีผู้สื่อข่าวนะ ใครก็ตามแฟนเพลงพุ่มพวงจะสร้างให้อย่างดีที่สุด แต่จะมางุบงิบสร้างกัน คือเราคิดกันอย่างนี้ครับ ว่าลูกถูกหลอกแน่นอนในเรื่องของการทำหุ่น"
พร้อมโต้กลับ เรื่องที่แม่แฟนของลูกชาย บอกว่าได้โทร.มาแจ้งเรื่องพระเพชรจะบวชแล้ว แต่จำเบอร์ไม่ได้ จึงได้โทร.ไปที่บ้าน แต่ทางภรรยาใหม่ของไกรสรไม่ยอมบอกเอง
"มันต้องมีหลักฐานนะ เบอร์นี้ผมกลับมาจากเมืองนอก ใช้อยู่ไม่เคยเปลี่ยน แต่เขาบอกว่า เขาจำเบอร์ไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่เขาบอกว่าเขาโทรเบอร์บ้าน เผอิญพระเจ้าช่วยผม เบอร์บ้านเสียมาได้สองเดือนแล้ว และผมได้ไปแจ้งที่องค์การโทรศัพท์ว่ามันเสียมานานแล้ว ถ้าเขาเคยโทร.มา ขอดูหลักฐานเพราะว่ามันมีอยู่แล้ว จะที่บ้านหรืออะไร แล้วที่เขาบอกว่าภรรยาผมที่บ้านไม่แจ้ง นี่ไงผมถึงบอกว่าโทรศัพท์ผมเสียนานแล้ว เพราะฉะนั้นที่เขาพูดไม่เป็นความจริง"
"ปกติกับทางแม่บุญธรรม(แม่แฟนแต่เรียกเป็นแม่บุญธรรม) ถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่เคยคุยอยู่แล้ว ไม่เคยเจอเขา เขาไม่เคยโทรศัพท์หาผมแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนผมจะโทร.หาลูกโดยตรง ได้คุยแต่คุยแค่สองสามวินาทีก็วาง แต่ถ้าเขาไม่อยู่ ก็ได้คุยกันนานหน่อย แต่ถ้าอยู่กับพวกนั้นก็ไม่ได้คุย(เขากีดกันหรือเปล่า?) ก็คิดกันเองเอง ไม่ได้ว่าเขากีดกันนะ แต่ผมก็ไม่ได้คุยกับลูกเท่าที่ควร"
ยอมรับ ว่าเทปลับที่พุ่มพวงตัดพ้อต่อว่าตน ไม่ยอมดูแล แถมยังกีดกันไม่ให้เจอลูก ทั้งที่นอนป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาล คงมีส่วนทำให้ลูกชายเกิดปมในใจ
"เทปลับอาจมีส่วนนะ ตอนนี้ผมก็ได้พูดกับไก่ น้องสาวของคุณผึ้งแล้ว ไก่ก็เป็นคนสารภาพกับผมเอง ว่าเขาเป็นคนให้เทปลับหลานไป เพราะว่าตอนนั้นที่เพชรหนีออกจากบ้านไป เขาก็ไปขอความช่วยเหลือจากน้า แต่ผมคิดว่าเขาหนีไปกับผู้หญิงหรือเปล่า ซึ่งมารู้ทีหลัง ว่าเขาไปอยู่กับน้า น้าเขาเห็นใจ ก็เลยให้เอาเทปไป เผื่ออะไรก็แล้วแต่ อันนี้เขาสารภาพกับผม หนูก็ทำไปเพราะว่าเผื่อเพชรจะเอาไปทำอะไร แต่มารู้ทีหลัง ว่าเขาพูดอะไรเพชรไม่เชื่อฟังเขาทั้งนั้น ไม่เชื่ออะไรเขาเลย เชื่อแต่สามคนนั้น(ทางครอบครัวแฟน)อย่างเดียว ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรนะ พี่เข้าใจนะไม่เป็นไร"
"ซึ่งตอนแรกผมคิดว่า เด็กหนีร้อนมาเพิ่งเย็น น้าก็คงดูแลไป ผมยังอุ่นใจด้วยซ้ำไป ว่าหลานมาอยู่กับน้า น้าเขาต้องดูแลแน่นอน แต่ไม่ใช่เป็นอย่างนั้น ทุกอย่างกลับตาลปัตร น้าเขา เขาก็ไม่สน หน้ามืดตามัวไป คือทุกคนเอาไม่อยู่ครับ"
ยืนยันเรื่องที่พุ่มพวงตัดพ้อผ่านเทป ว่าไม่ได้รับการดูแลจากสามี "ไกรสร" ทั้งที่นอนป่วยหนัก ไม่เป็นความจริง แจงเป็นแค่เรื่องของสามีภรรยา ที่อาจจะมีเรื่องไม่เข้าใจกันบ้าง
"มันก็เป็นเรื่องผ่านมานมนานแล้วนะ คนสองคนอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างเป็นของธรรมดา แต่ใครจะมารู้ดีเท่าเราสองคน หาเงินหาทองมายังไง ช่วยกันยังไง จะมีทรัพย์สินอะไร จะเป็นหนี้ใครไม่มีใครรู้ เรื่องที่เราไม่ได้ดูแล มันก็เป็นช่วงที่เราทะเลาะกัน ต่างคนต่างแรง ถ้าผมจะเข้าไปตอนนั้นมันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ผมก็เลยมอบให้ครอบครัวเขาดูแล ผมคิดว่ายังไงครอบครัวเขาก็ต้องดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ก็หายห่วง ก็ไปหาบ้างหรือบางทีก็โทรศัพท์บ้าง แต่สมัยก่อนโทร.ก็ไม่ได้คล่องเหมือนทุกวันนี้ ลูกปิดเทอมผมก็พาไปหาบ้าง มันก็มีความจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เพชรอาจจะมีความน้อยอกน้อยใจ แล้วผมก็ยอมรับผิด ทุกคนมันก็มีทำผิดกันได้ แล้วในเมื่อผมสำนึกผิดกลับมาสำนึกตัว สังคมก็ให้อภัย"
ผู้สื่อข่าวแย็บถามถึงข่าวที่บอกว่า ตอนราชินีลูกทุ่งเสียชีวิต มีเงินถึง 50 ล้านบาท จริงหรือไม่ แล้วตอนนี้เงินเหล่านั้นหายไปไหนหมด? เจ้าตัวแจงว่า...
"เงิน 50 ล้านไม่มี ตั้งแต่สมัยไหนแล้ว เขาอาจจะมาตีราคาที่ดิน อย่างผมซื้อที่มา 3 ล้านเขาก็ตีไป 20 ล้าน คอนโดซื้อมา 2 ล้านตีไป 7-8 ล้าน แล้วคนก็อาจจะตีจากการขายเทปอะไรต่างๆ ซึ่งจริงๆ มันไม่ขนาดนั้น ใครเขาจะมองว่า เงินที่ผึ้งสร้างมาเยอะ ก็มองไปเถอะครับ มันไม่ได้เยอะครับ มันก็ยังเหลือทรัพย์สินพอมีบ้านหลังเล็กๆ อยู่มีบ้านชั้นเดียว และที่ดิน 20 ไร่ ที่ลำพูนเท่านั้นเอง ต่อไปเป็นของน้องเพชรแน่นอน ก็เขียนยกให้เขาไปแล้ว ผมตายก็มาเอาไปแต่ยังไม่ได้โอนเป็นชื่อน้องเพชร ทรัพย์สินเดิมยังไม่หมดครับ ผมก็พยายามประคองเก็บไว้กิน เผื่อลูกไม่ดังมา"
"ตอนนี้ผมทำพินัยกรรมแล้วครับ ทำมานานแล้วด้วย สมบัติก็ใช้ไปขายไปบ้าง ไม่รู้ว่าเหลือเท่าไหร่ จะหนี้ท่วมหรือเปล่าไม่รู้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ เพราะอยู่มาผมก็ทำกิจการไปพังบ้างอะไรบ้าง แต่ว่าใครอยากอยู่กับเพชร อยากได้มรดกก็มาฆ่าผมให้ตายไปแค่นั้นเอง"