วินมอเตอร์ไซค์ขับผ่านได้กลิ่นเหม็น จอดดูเจอซากศพสาวแต่งตัวดีถูกฆ่าหมกซอยเปลี่ยว
สาวรุ่นแต่งตัวดีถูกฆ่าหมกป่าหญ้าในซอยเปลี่ยว เนื้อที่ศีรษะเหลือเพียงกะโหลก ถูกทุบกรามหัก-แทงลำตัว ตำรวจเร่งพิสูจน์ทราบว่าเป็นใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. สภ.คลองหลวง รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตอยู่ภายในป่าหญ้าริมทาง ที่เกิดเหตุกลางซอยเทพกุญชร 21 ม.11 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ที่เกิดเหตุเป็นซอยเปลี่ยวในพงหญ้ากลางซอยพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ลักษณะนอนหงายหน้าส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ รูปพรรณสัณฐานสูง 160 เซนติเมตร รูปร่างเล็กอายุประมาณ 20-30 ปี สวมเสื้อคอกลมสีน้ำตาลมีระบายที่ปลายแขนทั้งสองข้างซึ่งถูกถอดออกไว้ด้านหลัง ยกทรงสีครีมถูกปลดตะขอด้านหลังออก 1 อัน กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ร้อยเข็มขัดหนังสีดำถูกถอดออก และถอดลงไว้บริเวณหัวหน่าว
จากการชันสูตรเบื้องต้นพบมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งจนกรามซ้ายหัก มีรอยถูกของมีคมแทงบริเวณชายโครงซ้ายและกลางลิ้นปี่ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 สัปดาห์ เพราะมีหนอนไต่ยั้วเยี้ยจนเนื้อที่ศีรษะเหลือเพียงกะโหลก ลำตัวถูกสัตว์เลื้อยคลานกัดกิน
ไม่พบเอกสารของทางราชการติดตัว ที่นิ้วกลางด้านซ้ายยังสวมแหวนทอง 1 วง ข้อมือซ้ายยังสวมใส่สร้อยข้อมือลายโซ่น้ำหนักประมาณ 2 สลึง ที่ข้อเท้าซ้ายสักอักษรภาษาอังกฤษ KOY และเพ้นท์เล็บแฟนซี ลายมิกกี้เม้าส์
จากการสอบถาม นายวีระวัต อายุ 44 ปี ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วินวัดทวีการะอนันต์ เบอร์ 10 ที่มาพบศพ ให้การว่า ตนเองได้รับผู้โดยสารมาจากวิทยาลัยบุญถาวรเพื่อไปส่งที่หน้าปากซอยมิตซูบิชิ ระหว่างทางผู้โดยสารได้กลิ่นเหม็นคล้ายศพขณะขับผ่านจุดเกิดเหตุแต่ตนเองไม่ได้จอด
กระทั่งไปส่งผู้โดยสารเสร็จแล้วจึงวนรถกลับมาดูเพื่อความกระจ่าง จึงพบศพผู้หญิงเสียชีวิตอยู่ในป่าหญ้า จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและสอบปากชาวบ้าน ซึ่งไม่พบว่าในละแวกใกล้เคียงมีคนหายหรือใครรู้จัก
พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า ได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดสอบปากคำพยานที่พบศพ พร้อมทั้งให้ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้ได้มากที่สุด หาข้อมูลว่าผู้ตายเป็นใคร และในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา มีการรับแจ้งบุคคลหายกี่รายเพื่อเร่งพิสูจน์ทราบ
เบื้องต้น สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะประสงค์ต่อชีวิต เพราะทรัพย์สินมีค่าที่เป็นทองรูปพรรณยังอยู่แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง ทั้งนี้ ได้ให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อตรวจสอบดีเอ็นเอและหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป