นางแบบสาวอเมริกันโร่ร้องสื่อ "ลูกชายอดีตรัฐมนตรี" ข่มขืน-คุกคามไม่จบสิ้น

นางแบบสาวชาวนิวยอร์กได้ออกโรงปกป้องสิทธิตัวเอง เรียกร้องผ่านสื่อในอเมริกา อ้างถูกลูกชายอดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอัฟกานิสถานข่มขืน ซ้ำยังตามกลั่นแกล้ง-คุกคามมาเป็นปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางแบบสาวอเมริกันได้ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อ โดยกล่าวอ้างว่าเธอถูกลูกชายของอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งในอัฟกานิสถาน ก่อเหตุคุกคามและข่มขืนกระทำชำเรา และเมื่อเธอปฏิเสธและไล่เขา ปรากฏว่าเธอถูกจับกุมและดำเนินคดีทางกฎหมาย

สื่อหลายแห่งของอเมริกาได้นำเสนอเรื่องราวการเปิดใจของ นางสาวเอส (นามสมมติ) นางแบบสาวชาวนิวยอร์ก วัย 29 ปี ที่พยายามออกมาเรียกร้องสิทธิตัวเอง หลังจากที่ถูก นายฮาเหม็ด ลูกชายอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอัฟกานิสถาน ล่วงละเมิดทางเพศเธอถึง 2 ครั้ง เมื่อคราวไปเที่ยวฉลองวันชาติสหรัฐฯ ในฟลอริดา เมื่อปี 2018

นางสาวเอส เปิดเผยว่า เธอได้รู้จักกับ นายฮาเหม็ด มาเป็นเวลากว่า 10 ปีได้ โดยทั้งคู่เคยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันในวอชิงตัน ดี.ซี. โดยทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หลังจากนั้นเขาเริ่มซื้อของขวัญมากให้เธอ พร้อมกับบอกเสมอว่า สิ่งที่เขาทำไม่ได้มีอะไรอยู่ในก่อไผ่ทั้งนั้น แต่เขาก็มักจะใช้เงินเป็นอำนาจในสิ่งที่เขาอยากจะได้

หลังจากนั้น เธอก็ยอมเปิดใจลองคบหากับเขา แต่แล้วทุกอย่างก็เหมือนพลิกตลบไปอีกด้าน ความรักว่าหวานไม่มีอีกต่อไป เมื่อเขาได้ครอบครองแล้ว เมื่อถึงช่วงสุดสัปดาห์ฉลองวันชาติอเมริกาที่รัฐฟลอริดา เขาได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา เขาทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ อีกทั้งกระชากผมและจับเธอลากลงมาจากเตียงนอน

นางสาวเอสพยายามหลบหนีออกมาจากแมนชั่นนรกแห่งนี้ แต่เธอก็ทำไม่ได้ เพราะระหว่างที่ใกล้จะออกมาได้แล้ว ปรากฏว่าระบบลิฟต์หยุดทำงานและต้องกลับมาอยู่ที่ห้องตามเดิม นายฮาเหม็ดพยายามขอโทษ จากนั้นเขากับเธอจึงออกมาสังสรรค์กับเพื่อนๆ ต่อ

เธอจำใจต้องตามเขาไปตามน้ำต่อ เพราะเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกายอีกเมื่อไหร่ก็ได้ กระทั่งได้จังหวะเธอจึงตัดสินใจแยกตัวออกมา แต่ปรากฏว่าฝ่ายชายก็ยังคงตามรังควาน พร้อมกับข่มขู่ว่า "จะทำลายชีวิตเธอ" ก่อนจะเริ่มเล่นสงครามประสาท โดยใช้กฎหมายมากดขี่เธออย่างบ้าคลั่ง

นางสาวเอสเปิดเผยว่า เธอได้รับหมายศาลมาเรื่อยๆ หลังจากที่พยายามตีตัวออกห่างจากนายฮาเหม็ด เขากล่าวอ้างว่าเธอใช้มารยาในการหลอกลวงมีสัมพันธ์กับเขา เพื่อต้องการถลุงเงิน และเขายังเรียกร้องเงินจำนวน 20,000 เหรียญคืนจากเธอ เขาอ้างว่าเป็นเงินที่เขาใช้ให้เธอไปใช้ในการรักษาสุนัขที่ป่วย

นอกจากนี้ ฝ่ายชายยังคงตามคุกคามเธออยู่บ่อยครั้ง เธอแจ้งความจับเขาถึง 2 ครั้ง ก่อนจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความคุ้มครองเธอเป็นการชั่วคราว นางสาวเอสยังระบุว่า เธอยังจำคำพูดจากชายคนนี้ได้แม่นว่า "เธอมันก็แค่นังสาวผมบลอนด์โง่ๆ ใครจะไปเชื่อเธอ!" ประโยคนี้จึงทำให้เธอตัดสินใจลุกขึ้นมาใช้กฎหมายต่อสู้กลับและเรียกร้องสิทธิของตัวเอง เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหมือนฝันร้ายที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตที่ได้เจอมาของเธอ และมันควรจะจบลงได้แล้ว