วอนให้ช่วย "เด็กดักแด้" วัย 2 ขวบ หลบมุมใช้ชีวิตในกงสีสวนยาง

วอนให้ช่วย "เด็กดักแด้" วัย 2 ขวบ หลบมุมใช้ชีวิตในกงสีสวนยาง

วอนให้ช่วย "เด็กดักแด้" วัย 2 ขวบ หลบมุมใช้ชีวิตในกงสีสวนยาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนูน้อย 2 ขวบป่วยเป็นเด็กดักแด้ "โรคผีเสื้อ" ผิวหนังอักเสบทั่วตัว แม่เด็กรับภาระลำพัง สามีไปมีครอบครัวใหม่ ต้องมาอาศัยกงสีสวนยางอยู่ประทังชีวิต

(21 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง บ้านพักคนกรีดยางพารา "กงสี" ใน ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ภายในสวนยางพารา พบว่ามีหนูน้อยวัย 2 ขวบ ทราบชื่อ น้องปุย ได้ใช้ชีวิตสุดแสนทุกข์ทรมาน เพราะอาการป่วยเป็นโรคผิวหนัง "โรคผีเสื้อ" ซึ่งอยู่ตระกูลเดียวกับโรคดักเเด้ ผิวหนังบอบบางลักษณะเป็นแผลพุพองเหมือนถูกน้ำร้อนลวกทั่วร่างกาย จำเป็นต้องพันแผลไว้ทั้งตัวเพื่อป้องกันการสัมผัสและการติดเชื้อ

ขณะที่นิ้วเท้าทั้งสองข้างของน้องปุย มีลักษณะเรียงติดกันหมดทั้ง 5 นิ้ว เพราะเนื่องจากการพันผ้าพันแผลไว้ตลอดเป็นเวลานาน ส่วนที่บริเวณตาด้านขวา ยังมีอาการเป็นฝ้าสีขาวมัวด้วย
                                     
จากการสอบถาม น.ส.นัฐราวดี อายุ 22 ปี แม่ของน้องปุย กล่าวว่า ตอนที่น้องปุยคลอดออกมาวันแรก ทางพยาบาลที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา ก็มาแจ้งว่าน้องมีแผลพุพองที่เท้าและแขน แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ จึงย้ายไปอยู่ห้องเด็กวิกฤตประมาณ 2 เดือน หมอก็ได้แจ้งว่าเป็นโรคผีเสื้อ หรือคล้ายๆ กับเด็กดักแด้ จะมีแผลพุพองทั้งตัว

โดยในระหว่างที่ตั้งครรภ์ หมอก็ไม่ได้แจ้งอะไร เพราะไม่สามารถตรวจพบเจอได้ เนื่องจากรอลุ้นอย่างเดียวว่าเด็กในท้องจะเป็นโรคแบบนี้หรือไม่ และหากมีลูกคนต่ไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้อีกได้ ก่อนหน้านี้ตนอาศัยอยู่กับสามีใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่เพิ่งเลิกรากันมา 1 เดือน เพราะสามีแยกทางไปมีภรรยาใหม่ และไม่ต้องการรับผิดชอบเรื่องลูก

หลังจากนั้น ตนจึงได้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด แต่ก็ไม่ได้ทำงานอะไร เนื่องจากต้องดูแลน้องปุยตลอดเวลา ต้องพึ่ง นายปิ่น อายุ 60 ปี พ่อของตน ที่มีอาชีพรับจ้างกรีดยางของสวนเถ้าแก่ ซึ่งตอนนี้ภายในบ้านอาศัยอยู่กันทั้งหมด 5 คน

โรคของน้องปุยนั้นไม่ได้เป็นโรคติดต่อ แต่เป็นโรคเกี่ยวกับพันธุกรรมทางร่างกาย ระบบสร้างผิวหนังชั้นนอกผิดปกติ ทำให้ผิวบางไม่มีภูมิคุ้มกัน การรักษาหมอแนะนำให้ทำแผลเรื่อยๆ พยายามอย่าให้ติดเชื้อ เพราะว่ายังไงก็รักษาไม่หายขาด ต้องรอให้น้องมีอายุมากขึ้น เซลล์ผิวหนังจะดีขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่จะไม่เหมือนคนปกติ และตอนนี้น้องยังเดินไม่ได้ คุณหมอให้หัดพูด หัดคลาน และขั้นตอนต่อไปก็หัดเดิน แต่อาจจะช้ากว่าเด็กปกติ

ทั้งนี้ เมื่อเข้าช่วงสภาพอากาศร้อน น้องก็จะเป็นแผลได้ง่าย เพราะว่าน้องมีอาการคันเยอะ ถ้าอากาศเย็นจะไม่ค่อยเกา แต่ผิวจะแห้ง ต้องใช้น้ำเกลือล้างตัวให้น้องตลอด น้องปุยจะเป็นเด็กนิสัยไม่ค่อยกวน แต่จะมีร้องไห้งอแงบ้างเวลาคันหรือทำแผล ซึ่งในตอนนี้ตนก็ลำบาก เนื่องจากไม่มีรายได้อะไร ต้องซื้ออุปกรณ์ทำแผล นม แพมเพิร์ส และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เดือนละ 3 ครั้ง ค่าใช้จ่าย 20,000 ถึง 30,000 บาท ต้องหมดไปกับการพาลูกไปหาหมอ

ในส่วนของหน่วยงานก็มีเข้ามาดูบ้างแต่ยังไม่ได้ดำเนินการช่วยอะไร หากมีผู้ใจบุญสามารถให้ความช่วยเหลือ สามารถโอนช่วยเหลือได้ที่ ธนาคารกรุงไทย เลขบัญชี 3720199231 สาขาตลาดเมืองตรัง ชื่อบัญชี น.ส.นัฐราวดี บุญธรรม 
                                                  
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีผู้แอบอ้างนำรูปของน้องปุยไปโพสต์ แล้วเปิดขอรับเงินบริจาค พร้อมกับใส่เลขที่บัญชีที่ไม่ใช่ของตน จึงทำให้เงินที่ผู้ใจบุญโอนมาให้ ไม่เคยได้รับถึงมือของตนเองเลย ขณะนี้ตนได้นำเรื่องไปแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook