เสี่ยนักธุรกิจยาง โร่ร้องกองปราบ โดนเจ้าหน้าที่รัฐ 29 คน บุกจับกุม

เสี่ยนักธุรกิจยาง โร่ร้องกองปราบ โดนเจ้าหน้าที่รัฐ 29 คน บุกจับกุม

เสี่ยนักธุรกิจยาง โร่ร้องกองปราบ โดนเจ้าหน้าที่รัฐ 29 คน บุกจับกุม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักธุรกิจนำเข้ายางรถยนต์ จ.สมุทรสาคร เข้าร้องเรียนตำรวจกองปราบ เอาผิด ทหาร-ตำรวจ-เจ้าหน้าที่รัฐ รวม 29 คน หลังนำคำสั่ง คสช. เข้าจับกุมในข้อหาปล่อยเงินกู้โดยมิชอบ

นายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อมด้วย นายประเสริฐ พิมพาภรณ์ อายุ 75 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.เอส.โอ.อิมปอร์ต (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นโรงงานนำเข้ายางรถยนต์ จังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อแจ้งดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน จ.สมุทรสาคร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สมุทรสาคร ตำรวจ สภ.จ.สมุทราสาคร เจ้าหน้าที่จัดหาแรงงาน จ.สมุทราสาคร เจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัด สมุทรสาคร รวม 29 ราย ในหลายข้อหา

ประกอบด้วย ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด รวมกันบุกรุกเคหสถาน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ หรือ ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ เป็นต้น

นายอนันตชัย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทหาร กอ.รมน.สนธิกำลัง นำคำสั่ง คสช ที่ 13/2559 ร่วมกับ ตร.ตม และอีกหลายหน่วยงาน บุกตรวจค้นและจับกุมนายประเสริฐในโรงงาน จ.สมุทรสาคร โดยอ้างว่าในโรงงาน มีแรงงานเถื่อน ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่เป็นจำนวนมาก

จากการตรวจค้นจับกุมแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย แต่ใบอนุญาตหมดอายุ ได้เพียง 1 คน พร้อมได้ยึดเอกสารโฉนดที่ดินของนายประเสริฐ ไปรวม 52 ฉบับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ลงวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้มีการจับกุมนำตัว นายประเสริฐ ส่งที่ สภ.หัวหิน เจ้าของพื้นที่แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังมีการเจรจา ให้มีการทำบันทึกข้อตกลงในการลดหนี้และดอกเบี้ยให้กับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่มาชักชวนให้ร่วมลงทุน สร้างบ้านจัดสรร เมื่อปี 2559 โดยนายประเสริฐ ได้มีการทำสัญญากู้เงิน 15 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี

ซึ่งหญิงคนดังกล่าวได้มอบโฉนดที่ดินไว้เป็นหลักประกัน และสัญญาจะให้ผลตอบแทนอัตราร้อยละ 15 ต่อปีแต่ปรากฏว่าได้ผลตอบแทนการลงทุนเพียง 600,000 บาทซึ่ง ไม่ใช่ดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

พร้อมมองว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าว โดยใช้คำสั่งของ คสช. เป็นเครื่องมือ เป็นการกระทำที่มิชอบ กลั่นแกล้งประชาชน ผู้บริสุทธิ์ และยังเป็นการหาผลประโยชน์ในเรื่องส่วนตัว อีกทั้งทำให้ผู้เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ธุรกิจการค้าเสียหาย จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวันนี้

อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้รับเรื่องไว้ พร้อมส่งเรื่องต่อให้กับตำรวจ ปปป. ดำเนินการต่อ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหา เป็นข้าราชการ ทหารตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook