43 ปี นางฟ้าชาร์ลี! ตำนานการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี กับเสียงในลำโพงปริศนา

43 ปี นางฟ้าชาร์ลี! ตำนานการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี กับเสียงในลำโพงปริศนา

43 ปี นางฟ้าชาร์ลี! ตำนานการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี กับเสียงในลำโพงปริศนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กู๊ดมอร์นิ่งค่ะคุณกิตติ!!! ช่วงนี้เหยี่ยวเทยหัวใจเต้นระรัว ตื่นตัวกับการกลับมาของ Charlie’s Angels เวอร์ชั่นปี 2019 ซึ่งดูเหมือนว่าภาพยนตร์ในชื่อ “นางฟ้าชาร์ลี” นี้ จะพุ่งตรงเข้ามาสะกดจิตเหล่ากะเทยไทยให้ลุกขึ้นมาทำภารกิจปราบเหล่าร้าย ได้เวลาฟอร์มทีมบู๊ กระโดดบรรเลงเป็นลิงเป็นค่างกันประเดี๋ยวนี้

วันนี้เทยเลยอยากเปิดประวัติเรื่องราวของนางฟ้าชาร์ลี ที่ไม่ใช่แค่ซีรีส์ แต่มันมีผลต่อวงการภาพยนตร์และการขับเคลื่อนประเด็นที่น่าสนใจอยู่มากทีเดียวค่ะ มาค่ะ เริ่ม!!!

เทยต้องขอปรับภาพเป็นสีซีเปีย พาทุกคนย้อนเวลาไปในยุคที่สื่ออุดมไปด้วยหนังสายลับย่องเบาก่อน ซึ่งสื่อในยุค 60s นั้นได้รับอิทธิพลจากหนังใหญ่ ฮอลลีวูดเพิ่งจะตื่นตากับการทำหนังประเภท “ปฏิบัติภารกิจ” ออกฉายค่ะ มันเริ่มต้นที่ภาพยนตร์เรื่อง Ocean’s 11 ในปี 1960 ที่เป็นตัวเปิด การรวมทีมพระเอกรุ่นคุณปู่ออกปล้น ซึ่งมันใหม่สุดในยุค การปล้นอ่ะยูโน๊ว เมื่อนักจารกรรมเป็นตัวเอก แผนซ้อนแผน เฉือนคม คุณเอ้ย แปลกตา โจรเป็นพระเอกก็ได้ด้วย คนชอบลื้มมมม ตามติดมาด้วยฝั่งเมืองผู้ดีก็ไม่น้อยหน้า นำนิยาย James Bond 007 - Dr.No มาทำเป็นภาพยนตร์ในปี 1962 ตะนี้ละคุณเอ๊ย ความสายลับ ความย่องเบา ฉันได้รับภารกิจ ก็กลายเป็นเทรนด์ใหม่ไปซะงั้น ใดๆ ในฟิล์มยุคนั้นล้วนเป็นผู้ชายใส่สูททำภารกิจกันเต็มไปหมด


ภาพยนตร์ Ocean’s 11 ในปี 1960Screenfishภาพยนตร์ Ocean’s 11 ในปี 1960

เมื่อหนังใหญ่เขาชงมาอย่างนั้น ทางโทรทัศน์ก็ไม่น้อยหน้า จัดตามด้วย Mission Impossible เป็นซีรีส์โทรทัศน์ในปี 1966 ฉะนั้นหันไปทางไหนรอบๆ ปี 60s ถึงต้นๆ 70s นั้น หนังสายลับเกลื่อนค่ะ แต่คุณขา สังเกตอะไรไหม ทุกเรื่อง มันดันเป็น “สายลับผู้ชาย” ทั้งนั้นเลอ

ตะนี้ Ivan Goff และ Ben Roberts สองนักเขียนบทภาพยนตร์มีชื่อ ก็เกิดปิ๊งไอเดีย จะเป็นอย่างไรหนอ ถ้าหนังสายลับ มีตัวเอกเป็นผู้หญิงบ้าง อย่ากระนั้นเลย มาร่วมแรงร่วมใจ ร่วมใฝ่ร่วมหวัง ลองเขียนกันเถอะ และก็ บึ้ม!!! ออกมาเป็น ซีรีส์โทรทัศน์ไอเดียสดใหม่ในชื่อ Charlie’s Angel ในปี 1976

คอนเซ็ปต์ของเรื่องนี้น่าสนใจอยู่มากนะคะคุณขา แค่คำเปิดเรื่องขึ้นมา ก็ชวนให้น่าติดตาม

“Once upon a time, there were three little girls who went to the police academy. And they were each assigned very hazardous duty; but, I took them all away from all that and now they work for me. My name is Charlie”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสาวน้อยสามคน ซึ่งเข้าไปเรียนในโรงเรียนตำรวจ และพวกเธอก็ได้รับมอบหมายงานอันเป็นพิษมากๆ ที่นั่น แต่ผมนำพวกเธอออกมาจากสิ่งเหล่านั้น ตอนนี้พวกเธอทำงานให้กับผม ผมชื่อชาร์ลี”

ซีรีส์เรื่องนี้ได้ดาราหน้าใหม่สามคนคือ Kate Jackson, Farrah Fawcett, และ Jaclyn Smith สามสาววัยสะพรั่งมารับคำสั่งจากชาร์ลี เศรษฐีนิรนามที่มอบภารกิจผ่านลำโพงสีทองอร่ามกับพวกเธอให้ไปตามสืบคดี แล้วว่าบาปค่ะคุณขา เพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้น เธอทั้งสามก็ดังเป็นพลุแตกในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว ดังถึงขนาดที่ว่าผมของ Farrah Fawcett กลายเป็นไอคอนของทรงผมที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น และการแสดงอันสดใสของเธอก็ตราตรึง โดยเฉพาะฉากขี่สเก็ตบอร์ดหนีการตามล่าเนี่ย แซ่บนัวมากเหลือเกิน


TV Series Finale

ความเรืองรองของสามนางฟ้าผลักให้พวกเธอกลายเป็นดาวจรัสแสงค้างฟ้าแห่งสหรัฐอเมริกาจริงๆ และนั่นทำให้สองนักแสดงหลัก Kate Jackson และ Farrah Fawcett เริ่มกลายเป็นนางคิวทอง งานละคร งานหนังแน่นขึ้น เป็นเหตุให้ทั้งคู่ต้องถอนตัวในซีซั่นต่อๆ มา เหลือเพียงแค่ Jaclyn Smith ในบท Kelly Garret ที่อยู่ยืนเป็นนางฟ้าตลอดทั้ง 5 ซีซั่นเพียงคนเดียว โดยซีซั่น 2 และ 4 เป็นต้นมา นางฟ้าก็เริ่มมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเป็นรุ่นๆ รวม 5 ซีซั่น มีนางฟ้าในเรื่องไปทั้งสิ้น 6 คนด้วยกัน

จนความนิยมของซีรีส์ขนาดยาวมันก็หมดลงไปตามกาลเวลา พอๆ กับซิทคอมบ้านเราอ่ะคุณขา นางฟ้าชาร์ลีก็ปิดตัวลงอย่างสงบจบซีซั่น 5 ไปในปี 1981 แต่ใครจะรู้ ว่าอีก 20 ปีถัดมา คลื่นลูกใหญ่ของนางฟ้าจะซัดเปรี้ยงเข้าให้ในเวอร์ชั่นปี 2000 และครั้งนี้ฟาดหน้าฟาดปากรัวๆ ด้วยการขึ้นเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก กับสามนางฟ้ารุ่นใหม่ที่เป็นดารามีชื่อในขณะนั้น Drew Barrymore, Cameron Diaz และ Lucy Liu ซึ่งความโด่งดังของภาคนี้ เป็นปรากฏการณ์ไปทั่วโลก และเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้ซื้อลิขสิทธิ์มาฉายในชื่อ “นางฟ้าชาร์ลี”


tf-cdn

ความพิเศษของภาค 2000 คือการบู๊สนั่นหั่นแหลกแหกไม่ยั้ง ตามสไตล์ผู้กำกับ McG พ่วงกับความเซ็กซี่ งานนมงานสะโพกมาเต็มไปหมด แถมด้วยการที่นางฟ้ารุ่นนี้ “ไม่ใช้ปืน” ซึ่งเป็นการขัดหูขัดตาแฟนๆ ไปมาก แถมฉากแอคชั่นก็ปลอมจนคนดูออก ฉะนั้นในด้านคำวิจารณ์ถือว่าพังพินาศ แต่ในเรื่องการตลาด เวอร์ชั่น 2000 และภาคต่อ Full Throttle ในปี 2002 ถือว่าประสบความสำเร็จกินขาด สามนางฟ้ารุ่นนี้กลายเป็นไอคอนให้กับคนทั้งโลก โดยเฉพาะเหล่ากะเทยไทย งงมากเหมือนกันค่ะ

ความน่าสนใจของนางฟ้าชาร์ลี นอกจากที่เทยได้เมาท์มอยมาแล้วนั้น ถ้าหลายๆ คนย้อนกลับไปอ่านดีๆ เรื่องราวระดับตำนานเรื่องนี้ มีส่วนขับเคลื่อนในเรื่องสิทธิสตรีเอามากๆ ด้วยค่ะ

ประโยคแรกที่ชาร์ลีใช้เกริ่นเรื่อง “And they were each assigned very hazardous duty; but, I took them all away from all that” - พวกเธอถูกมอบหมายงานที่เป็นพิษ และผมนำพวกเธอออกมาจากสิ่งเหล่านั้น

คำนี้เป็นการสะท้อนค่านิยมที่ชาวอเมริกันปฏิบัติต่อผู้หญิงที่เข้าไปเรียนในโรงเรียนตำรวจในยุคนั้น นางฟ้ายุคแรก ถูกสั่งให้ทำงานเอกสาร วางใบสั่ง หรือแม้แต่พาเด็กนักเรียนข้ามถนน ไม่ได้ออกไปตามจับผู้ร้ายอย่างที่ตำรวจจริงๆ ควรทำ มีก็เพียงชาร์ลีที่เล็งเห็นความสามารถของพวกเธอ และให้พวกเธอออกมาปฏิบัติภารกิจ ซีรีส์นี้ จึงเป็นคลื่นลูกสำคัญของการขับเคลื่อนสิทธิของผู้หญิงครั้งแรกเลยทีเดียว

แน่นอนค่ะ นางฟ้าชาร์ลีถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ขับเคลื่อนอีกครั้งในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ปี 2000 สามนางฟ้ายุคนั้น จะวนเวียนอยู่กับธงชาติอเมริกา แวะไปสวมบทบาทแซะแซวล้อเลียนเป็นตัวละครในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องต่างๆ ในช่วง Intro ของเรื่อง เชิดชูความเป็นประเทศแห่งเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ และที่สำคัญไปกว่านั้น การที่พวกเธอ “ไม่ใช้ปืน” แต่ก็สู้ไม่ถอย ก็บ่งบอกถึงการต่อสู้ด้วย “ความเป็นหญิง” ใช้มันเข้าห้ำหั่นในโลกหนังบู๊ของผู้ชายอย่างถึงพริกถึงขิงทีเดียว

วิวัฒนาการของนางฟ้าชาร์ลีตั้งแต่แรก จึงเป็นการนำผู้หญิงที่เป็นชายขอบของสังคมที่ขับเคลื่อนโดยผู้ชายออกมาวาดลีลาอลังการดาวล้านดวงค่ะ เฉกเช่นแม่ย่า Farrah Fawcett ที่เทยได้กล่าวไป เธอเองก็ได้ล้มค่านิยมที่ว่า “สาวบลอนด์ต้องโง่” ออกไปจากความคิดชาวอเมริกันอย่างสมศักดิ์ศรี เธอเป็นสายลับทำคดีแต่ก็เฉิดฉายได้แม้จะมีผมบลอนด์ หรือแม้แต่ในเวอร์ชั่น 2000 ที่ Lucy Liu เป็นชาวเอเชียในธีมอเมริกา ซึ่งมันพอดิบพอดีกับช่วงที่อเมริกาเองกำลังเป็นตัวแทนของเสรีภาพอันล้นพ้นในช่วงนั้น ใครๆ ก็มาเป็นนางฟ้าที่อเมริกาก็ได้ แม้คุณจะเป็นเอเชียก็ตาม


การแข่งรถซิ่งธงอเมริกา กับรถ Red Star ซึ่งแทนสัญลักษณ์การห้ำหั่นของอเมริกากับคอมมิวนิสต์ใน Charlie’s Angels เวอร์ชั่นปี 2000imcdbการแข่งรถซิ่งธงอเมริกา กับรถ Red Star ซึ่งแทนสัญลักษณ์การห้ำหั่นของอเมริกากับคอมมิวนิสต์ใน Charlie’s Angels เวอร์ชั่นปี 2000

แต่แหม หลังจากเหตุการณ์ 9/11 ปี 2001 ที่ลุกลามไปเป็นสงครามในตะวันออกกลาง ภาพลักษณ์ของอเมริกาก็นะคะ แหะๆ Heroes turn bad ตั่งต่าง นางฟ้าชาร์ลีที่เคยเป็นเหมือน Propaganda ของอเมริกาก็ต้องหาทางลงกันให้วุ่น จนกระทั่งในปี 2011 Charlie’s Angels กลับไปเป็นซีรีส์โทรทัศน์อีกครั้งในช่องเดิม ABC โดยที่นางฟ้าแต่ละคนเป็นสามสาวที่มีคดีติดตัว แต่ชาร์ลีให้โอกาสเธอเริ่มต้นใหม่ในฐานะสายลับ ตามคำ Intro ของเรื่องในเวอร์ชั่นนั้น ซึ่งดูเหมือนจะพยายามสื่อสารว่า ไม่มีฮีโร่คนไหนสมบูรณ์แบบ แม้แต่สายลับผู้หญิงที่อเมริกาก็เคยเชิดชู


Charlie's Angels 2011imdbCharlie's Angels 2011

แน่นอนค่ะ ภาคนี้แป้กสนิท ฉายได้ 6 ตอน ก็โดน Cancel ปิดงานกันไป โถ…

อีกเรื่องลับลี้ชวนให้กังขา ก็คือผ่านมา 43 ปีแล้วกับจักรวาลของเรื่องนี้ มีนางฟ้าไปแล้ว 8 รุ่น รวม 30 ชีวิต ทั้งภาคอเมริกาและนางฟ้าชาร์ลีเอเชีย ก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่าบุรุษปริศนานาม “ชาร์ลี” เจ้าของเสียงในลำโพงสีทองที่มีมาทุกภาค ใครกันเป็นคนออกคำสั่งให้กับสาวๆ เหล่านั้น ใครกันที่ทำงานภายใต้หน้ากาก เป็นคนที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์สิทธิสตรีมายาวนาน และว่าบาป เฉพาะในเวอร์ชั่นฮอลลีวูด เสียงของชาร์ลีเป็นเสียงเดิมนะคะคุณ และก็มีเพียงแค่นางฟ้ารุ่น 2000 เท่านั้น ที่ “เกือบ” จะได้เห็นตัวจริงของเขา


นางฟ้ารุ่นที่ 1 Kelly Garrett มาพบกับ Dylan Sanders นางฟ้ารุ่น 2000 Vignette.Wikiaนางฟ้ารุ่นที่ 1 Kelly Garrett มาพบกับ Dylan Sanders นางฟ้ารุ่น 2000

อย่างไรก็ดี ก็ต้องนับว่าบุรุษปริศนาคนนี้ ได้สร้างตำนานที่ต่อเนื่องยาวนานมาได้ถึงเพียงนี้ และในปี 2019 นางฟ้าชาร์ลี รุ่นที่ 8 นำแสดงโดย Kristen Stewart, Naomi Scott และ Ella Balinska กำลังจะกลับมาปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง โดยความพิเศษของภาคนี้คือ นางฟ้ากลับมาใช้ปืนเหมือนเดิมแล้ว จากตัวอย่างก็บู๊สนั่นหวั่นไหว อู้อ้าเพิ่มเติมด้วยการที่หนึ่งในสามนางฟ้าเป็นผิวสี อีกหนึ่งเป็นสาวผมสั้นลุคห้าวๆ ส่วนอีกหนึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิง ซ้ำยังปรากฏ Easter Eggs ชุดของนางฟ้าภาคก่อนๆ เอาไว้ด้วย ขยี้เพิ่มจุกๆ บอสลี่ก็ดันเป็นผู้หญิงไปอี๊ก แซ่บ!!! จึงมีความเป็นไปได้มากว่า Charlie’s Angels 2019 นั้นกำลังเน้นคุณค่าสิทธิของผู้หญิงและพ่วงการเชิดชูความหลากหลายให้เบอร์เข้มสมเป็นปี 2019 รวมถึงอาจจะพาเรื่องราวที่เป็นปริศนาของชาร์ลีออกมาจากเงามืดก็เป็นได้


Charlie's Angels 2019SlashfilmCharlie's Angels 2019

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทิ้งท้ายตำนานของเหล่านางฟ้า เทยก็อยากจะชี้ชวนให้ไปฟังเพลง Theme ของ Charlie’s Angels ที่ประพันธ์โดย Henry Mancini ผู้ประพันธ์เพลง Theme อันคุ้นหูอย่าง Pink Panther และ Mission Impossible ค่ะ โดยเพลง Theme นี้จะบรรเลงขึ้นหลังจากประโยคแนะนำนางฟ้าของชาร์ลีขึ้นตอนต้นเรื่องเสมอ โดยเวอร์ชั่น 2000 ก็มีการนำมาใส่ดนตรี Rock สมัยใหม่ด้วยโดยวง Apollo 11 และไม่รู้จะเป็นความบังเอิญหรือไม่อย่างไร แร็ปเปอร์เมืองไทยอย่าง โจอี้ บอย ก็เคยเอาทำนองเพลงนี้มาใช้กับเพลง “ไฮโซ” เสียด้วย แหม… ก็ทำนองมันดูไฮโซจริงๆ นี่นา

เหยี่ยวเทยเอง ทุกวันนี้ก็เหมือนเป็นนางฟ้า พยายามทำภารกิจหาข่าวที่มีคุณค่าทางการเมือง เพื่อขับเคลื่อนให้คุณผู้อ่านได้ติดตาม แม้ว่าจะเป็นประชาชนชายขอบ เป็นเทย

อุ้ย โทรศัพท์ดังแล้ว ขอไปปฏิบัติภารกิจก่อนนะคะ กู๊ดมอร์นิ่งนางฟ้า!!! กู๊ดมอร์นิ่งชาร์ลี

เหยี่ยวเทยรายงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook