“พล.ต.อ.อัศวิน” แจง 2 รองผู้ว่าฯ กทม.ลาออก ไม่เกี่ยวกับโครงการเตาเผาขยะหมื่นล้าน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวชี้แจงกรณีนายจักกพันธุ์ ผิวงาม และนายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ลาออกว่า ไม่เกี่ยวกับโครงการประกวดราคาดำเนินโครงการเตาเผาขยะที่หนองแขมและอ่อนนุช ขนาด 1,000 ตันต่อวัน รวม 2 โรง มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท แต่เป็นเพราะทั้งสองคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพและต้องการพักผ่อน
โดยเฉพาะนายจักกพันธุ์ ซึ่งเคยพูดคุยว่าต้องการลาออกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งตนยอมรับว่าเสียดายที่นายจักกพันธุ์ลาออก เนื่องจากนายจักกพันธุ์มีความสามารถทำงานเก่ง พร้อมยืนยันว่าในทีมผู้บริหารไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ส่วนรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใดจะเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ต่อ ขณะนี้ยังไม่มีได้ระบุต้องรอให้มีการแบ่งงานกันอีกครั้ง
พล.ต.อ.อัศวิน ยังกล่าวชี้แจงด้วยว่า สำหรับจำนวนเงิน 13,000 บาท มีการดำเนินการในระยะเวลา 20 ปี ไม่ได้จ่ายให้เอกชนภายในครั้งเดียว อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ได้มีการเคาะว่าเอกชนทั้ง 8 รายที่ผ่านหลักเกณฑ์รายใดจะเป็นผู้ชนะ และในการประกวดราคาครั้งนี้ไม่มีการล็อกสเปกอย่างแน่นอน โดยได้ดำเนินการตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง อีกทั้งได้ผ่านการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. และศาลปกครองกลาง หากหน่วยงานอื่นจะเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ จึงขอยืนยันว่าจะเดินหน้าดำเนินโครงการนี้ต่อ ซึ่งหากผิดก็ว่าไปตามผิด หรือติดคุกกันไป แต่ตนเองขอใช้เกียรติเป็นประกันว่าโครงการนี้โปร่งใสไม่มีการทุจริตอย่างแน่นอน และตนเองจะไม่เอาชื่อเสียงที่สั่งสมทั้งหมดมาทิ้งกับเรื่องนี้แน่นอน
ด้าน นายชาตรี วัฒนเขจร ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เปิดเผยรายละเอียดถึงการเปิดประมูลโครงการเตาเผาขยะอ่อนนุชและหนองแขม ว่าเป็นไปตามกฎหมายในการมอบหมายงานให้เอกชนดำเนินงานแทน ซึ่งคือการให้เอกชนลงทุนจำนวน 3,000 ล้านบาท ในการติดตั้งเครื่องจักรและดำเนินการทั้งหมด แต่ไม่ใช่ลักษณะของการทำงานแทน ซึ่งเมื่อการดำเนินการเสร็จสิ้นและครบสัญญา ทรัพย์สินดังกล่าวก็จะตกเป็นของกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ การเปิดประมูลโครงการนี้มีบริษัทเอกชนเพียง 8 รายที่เข้าเงื่อนไข ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครรายใดรายหนึ่ง โดยลักษณะของการดำเนินโครงการเรียกว่าวิธีการ BOT หรือ Build Operate and Transfer คือเอกชนได้รับสิทธิตามสัญญาสัมปทานจากรัฐบาลในการลงทุนก่อสร้างและดำเนินงาน เพื่อหาผลตอบแทนภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งในระหว่างการดำเนินงานดังกล่าวกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์นั้นจะเป็นของภาคเอกชน แต่หลังจากการสิ้นสุดอายุสัมปทาน กรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ที่ลงทุนจะถูกโอนให้แก่รัฐบาลเพื่อเป็นการตอบแทน