แม่รู้ความจริงสุดช็อก ลูกสาว ม.1 ถูกรุ่นพี่ข่มขืนที่โรงเรียน ครูผู้หญิงรู้เรื่องแต่เงียบ
แม่ร้องมูลนิธิปวีณา ลูกสาว ม.1 ถูกรุ่นพี่ ม.3 ข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน ครูให้กินยาคุมฉุกเฉินจนต้องเข้า รพ. แถมโรงเรียนเรียกค่าปรับ 1 หมื่น หากไม่นำลูกกลับไปเรียนโดยไม่มีเหตุอันควร
เมื่อเวลา 16.30 น.วานนี้ (24 ก.ค.62 ) พนักงานสอบสวน สภ.โนนสูง จ.นครราชสีมา พา “น้องบี” (นามสมมติ) นักเรียนหญิงอายุ 13 ปี ชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ไปชี้จุดเกิดเหตุบริเวณห้องน้ำภายในโรงเรียน เพื่อประกอบเป็นหลักฐานการทำสำนวนส่งดำเนินคดีกับนักเรียนชายรุ่นพี่ อายุ 16 ปี ชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกัน ที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา “น้องบี” ในห้องน้ำ ก่อนถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ และกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ที่ขณะนี้ได้ถูกส่งตัวฟ้องศาลตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว
แต่เนื่องจากคดีนี้ มีข้อสังเกตและสิ่งผิดปกติบางประการ จนทำให้ผู้ปกครองของ “น้องบี” ต้องนำเอกสารหลักฐานร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ด้วยเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยนางสาวเตือนใจ อายุ 30 ปี มารดาของ “น้องบี” ผู้เสียหาย กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ลูกสาว 13 ปี ถูกเด็กหนุ่มรุ่นพี่ 16 ปี ล่อลวงไปข่มขืนในห้องน้ำ ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2562 แต่ตนมาทราบเรื่องในภายหลังเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 หรือผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้ว เนื่องจากสังเกตเห็นอาการผิดปกติของลูกสาวต่อเนื่องมานาน คือ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหม่อลอย มึนงง และทำร้ายตัวเอง
โดยวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ตนได้เค้นถามลูกสาวจึงทราบว่า ถูกนักเรียนรุ่นพี่ลวงไปข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน มิหนำซ้ำครูในโรงเรียนก็รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แถมครูผู้หญิงยังเป็นคนนำยาคุมฉุกเฉินให้ลูกสาวกิน 2 เม็ด จนเด็กสาวมีอาการปวดท้องและเลือดออกทางช่องคลอดมาตลอดตั้งแต่กินยาคุมฉุกเฉินนั้น ตนจึงนำหลักฐานแผงเม็ดยาที่ครูให้มา 2 เม็ด ซึ่งเด็กกินไป 1 เม็ด ไปแจ้งความตำรวจ สภ.โนนสูง ให้ดำเนินคดีกับรุ่นพี่ ม.3 พร้อมนำยาไปตรวจกับเภสัชกร ยืนยันว่า เป็นยาคุมฉุกเฉินจริง จึงพาลูกไปหาโรงพยาบาลรักษาอาการข้างเคียงอีก 4 ครั้ง และไม่ให้ลูกไปโรงเรียนอีกเลย
ซึ่งภายหลังจากมีการแจ้งความแล้ว ผู้ปกครองนักเรียนรุ่นพี่ ม.3 และ ผอ.โรงเรียนฯ ได้เสนอเงินช่วยเหลือ 40,000 บาท เพื่อให้จบเรื่องกันไป แต่ทางฝ่ายตนซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ยินยอม และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหนังสือลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 จากทางโรงเรียนฯ แจ้งมาถึงผู้ปกครอง ให้รีบนำลูกกลับไปเรียนตามปกติ เพราะขาดเรียนติดต่อกัน 6 วันแล้ว ถ้าฝ่าฝืนไม่ยอมให้เด็กไปโรงเรียนและไม่มีเหตุอันควร จะต้องเสียเงินค่าปรับ 10,000 บาท ตนจึงจึงนำเรื่องร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาฯ
กระทั่ง จนท.ตำรวจ เร่งรัดดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนและครอบครัว ต้องการให้ครูและ ผอ.ผู้บริหารโรงเรียนได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบที่เห็นพฤติการณ์ของเด็กและทราบเรื่อง แต่กลับไม่รีบป้องกันหรือแจ้งผู้ปกครองให้ทราบโดยเร็ว จนปล่อยให้เด็กถูกล่วงละเมิด จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานต้นสังกัด ได้เข้ามาสอบสวนพฤติกรรมของ ผอ.และครูที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกหลานของคนอื่นอีก