สนามบินเชียงใหม่ เผยสาเหตุเพาเวอร์แบงก์ระเบิดไฟลุก คาดตัวจุดชนวนคือ "น้ำหอม"
วันนี้ (26 ก.ค.62) ที่สำนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ เรืออากาศโทธนันท์รัฐ ประเสริฐศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่พร้อมด้วยนายสาธิต เดชะตุงคะ ผู้อำนวยการฝ่าย รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่วมกันเปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์แบตเตอรี่แบบพกพาหรือ Power Bank ลุกไหม้ในกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารชาวต่างชาติ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2562 บริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศท่าอากาศยานเชียงใหม่
>> ระทึก! เพาเวอร์แบงก์ระเบิดหน้าสนามบินเชียงใหม่ ไฟลุกไหม้หวิดคลอกผู้โดยสาร
ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่เปิดเผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในขณะที่ผู้โดยสารต่างชาติชาวอเมริกันรอขึ้นรถอยู่หน้าชานชาลา โดยผู้โดยสารรู้สึกร้อนที่บริเวณด้านหลังและเห็นเปลวไฟที่กระเป๋าสะพายหลัง จึงโยนทิ้งลงบนพื้นและเกิดการลุกไหม้ต่อเนื่อง พบว่าสาเหตุการลุกไหม้มาจากแบตเตอรี่แบบพกพา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าแบตเตอรี่แบบพกพาดังกล่าวมีแบตเตอรี่ลิเธียมในตัวที่ใช้สำหรับอัดประจุพลังไฟฟ้าและคาดว่าน่าจะทำปฏิกิริยากับของเหลว ที่เป็นเครื่องสำอางหรือน้ำดื่มในกระเป๋าของผู้โดยสารจึงทำให้เกิดการลุกไหม้ขึ้น ซึ่งไม่ทราบขนาดของแบตเตอรี่พกพาดังกล่าว เพราะลุกไหม้เสียหาย แต่คาดว่าน่าจะมีขนาดไม่เกิน 20,000 มิลลิแอมป์
โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวจึงอยากวิงวอนให้เข้าใจความจำเป็นของเจ้าหน้าที่ในการเข้มงวดตรวจตราเกี่ยวกับการพกพา Power Bank ขึ้นเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและอากาศยาน ซึ่งทาง ทอท.ขอความร่วมมือผู้โดยสารห้ามนำอุปกรณ์ที่มีขนาดของแบตเตอรี่ลิเธียมเกินกว่าที่กำหนดขึ้นอากาศยาน โดยแบ่งเป็นแต่ละประเภท ได้แก่ ประเภทแบตสำรอง หากค่าความจุไฟฟ้าไม่เกิน 20,000 มิลลิแอมป์ สายการบินอนุญาตให้นำติดตัวขึ้นอากาศยานได้ ไม่เกิน 5 ชิ้น ถ้าค่าความจุ 20,000 มิลลิแอมป์ แต่ไม่เกิน 32,000 มิลลิแอมป์ สายการบินอนุญาตให้นำติดตัวขึ้นอากาศยานได้ไม่เกิน 2 ชิ้น แต่หากว่าเกินกว่า 32,000 มิลลิแอมป์ ไม่อนุญาตให้นำขึ้นอากาศยานทุกกรณี
ขณะที่ จ่าโทถิระนันท์ อินตารัตน์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่าหลังจากเกิดเหตุได้ตรวจสอบพบว่าในกระเป๋าของนักท่องเที่ยว มีขวดน้ำหอมอยู่ด้วยคาดว่า จะรั่วไหลออกมา แล้วเข้าไปใน Power Bank ทำปฏิกิริยากับแบตเตอรี่ลิเธียมที่อยู่ด้านในจนเกิดการลุกไหม้และระเบิดขึ้น โดยจากการสอบถามนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวยังบอกด้วยว่าได้เสียบชาร์จแบตเตอรี่ไว้กับอุปกรณ์ด้วย คาดว่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ขึ้น ดังนั้นจึงอยากแจ้งเตือนผู้โดยสารที่พกพาแบตเตอรี่สำรองติดตัวขึ้นอากาศยานให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและระมัดระวังไม่เสียบชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้กับอุปกรณ์ รวมทั้งไม่ควรใส่ไว้ในกระเป๋าร่วมกับของเหลว เพราะอาจจะเกิดการรั่วไหลมาทำปฏิกิริยากันได้