ปะทะเดือดที่บันนังสตาโจรใต้ดับ4ราย

ปะทะเดือดที่บันนังสตาโจรใต้ดับ4ราย

ปะทะเดือดที่บันนังสตาโจรใต้ดับ4ราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทหารสั่งคุมแจเมืองนราฯ หลังมือดีฉกชุดอส. 30 ชุดจากบ้านนายอำเภอ คาดนำไปแต่งแฝงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เตรียมก่อเหตุใหญ่ โจรแต่งโม่งเอ็ม16 จี้หัว จับคนงานมัด ก่อนเผาแบ็กโฮวอด 2 คัน ขณะที่ "เทือก" บินด่วนลงพื้นที่อีกรอบ หวังขันน็อตมาตรการดูแลความปลอดภัย-จี้คดีถล่มมัสยิด

เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 18 มิถุนายน 2552 พ.ต.ท.จำลอง ศุภลักษณ์ สว.หน.สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.นราธิวาส และกำลังจำนวนหนึ่งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งคนร้ายลอบวางเพลิงรถแบ็กโฮ จำนวน 2 คัน ที่รับจ้างขุดอ่างเก็บน้ำจากสำนักงานชลประทาน จ.นราธิวาส ซึ่งจอดอยู่บนถนนเลียบอ่างเก็บน้ำ หลังหมู่บ้านปะลุกาแปเราะ หมู่ 7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ เหตุเกิดขึ้นในช่วงคืนวันที่ 17 มิถุนายน

ที่เกิดเหตุพบรถแบ็กโฮ 2 คัน ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบเศษผ้าชุบน้ำมันเชื้อเพลิงส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งวางอยู่ภายในห้องคนขับทั้ง 2 คัน และยังมีถังแกลลอนน้ำมันขนาดบรรจุ 20 ลิตรวางอยู่บนพื้น ซึ่งเป็นของคนร้ายที่ใช้ในการลอบวางเพลิง ห่างจากซากรถแบ็กโฮ ประมาณ 50 เมตร ซึ่งเป็นสวนลองกอง ยังตรวจสอบพบเส้นลวดตกอยู่ใต้โคนต้นลองกอง ความยาวประมาณ 2 ฟุต จำนวน 1 เส้น

สอบสวน นายอาหามะ ยามิง อายุ 28 ปี คนงาน ทราบว่า หลังคนงานเสร็จภารกิจในแต่ละวัน จากการขุดอ่างกักเก็บน้ำ ก็ได้ขับรถแบ็กโฮมาจอดเทียบคู่กันที่บริเวณเต็นท์ แล้วเดินทางกลับบ้านพัก โดยนายอาหามะและพวกรวม 3 คน ก็ได้มาเข้าเวรเฝ้ารถแบ็กโฮทุกๆวัน แต่ระหว่างที่นั่งรวมกลุ่มคุยกันภายในเต็นท์ ก็มีคนร้าย 5 คน แต่งกายชุดดำ สวมหมวกไหมพรม มีปืนเอ็ม16 คนละกระบอก วิ่งกรูออกมาจากสวนลองกอง แล้วใช้ปืนจี้ที่ศีรษะของนายอาหามะและพวก บังคับให้เดินเข้าไปในสวนลองกอง พร้อมทั้งได้ใช้ลวดมัดมือนายอาหามะและพวกทั้ง 3 คน ผูกติดไว้กับต้นลองกอง

จากนั้นคนร้ายได้เดินมาที่รถแบ็กโฮ ใช้ผ้าชุบน้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมใส่แกลลอนมา นำไปวางไว้บริเวณใต้ห้องเครื่อง แล้วจุดไฟเผาก่อนหลบหนี ต่อมา นายอาหามะและพวกหลุดออกมาจากการถูกมัด จึงวิ่งไปแจ้ง นายฮามิ ยากา อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านปะลุกาแปเราะ หมู่ 7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ และพากันไปแจ้งความ

มีรายงานว่า เมื่อเวลา 16.20 น. ทหารได้สนธิกำลังปิดล้อมและเข้าตรวจค้นแหล่งต้องสงสัยว่า เป็นที่หลบซ่อนของกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านตือแระ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ปรากฏว่าขณะตรวจค้นได้เกิดยิงปะทะกัน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตรวม 4 คน ส่วนฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย

วันเดียวกัน พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้สั่งการด่วนไปยัง ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจทั้ง 9 ชุด ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ให้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการสนธิกำลังกับตำรวจและฝ่ายปกครอง เพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่สัญจรไปมาบนถนนสายหลักและสายรอง หลังได้รับแจ้งว่าชุดเครื่องแบบของอาสาสมัครรักษาดินแดนประจำที่ว่าการ อ.เมืองนราธิวาส จำนวน 30 ชุด ได้หายไปอย่างลึกลับจากบ้านพักของนายสุรชัย ชวาลารัตน์ นายอำเภอเมืองนราธิวาส เมื่อช่วงคืนของวันที่ 17 มิถุนายน 2552 หลังเตรียมนำมาแจกจ่ายให้cdjอาสาสมัครรักษาดินแดน เพราะเกรงว่าอาจจะตกถึงมือกลุ่มคนร้ายและนำไปสวมใส่เพื่ออำพรางเป็นเจ้าหน้าที่ตระเวนก่อเหตุร้ายในพื้นที่ได้

ขณะเดียวกัน ที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาค 4 พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนายสมโภชน์ สุวรรณรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกันแถลงข่าวถึงการปฏิบัติงานแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่

พล.ท.กสิกร กล่าวว่า ทหารได้รับกำลังเพิ่มเติมจากกองทัพบกให้ลงมาปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อมาดูแลความปลอดภัยประชาชน ครู และพระสงฆ์ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งกำลังทหารชุดนี้ถือเป็นกำลังที่มีความสามารถพิเศษในการปฏิบัติหน้าที่ โดยในช่วงแรกจะลงพื้นที่เพื่อเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 18-30 มิถุนายน คาดหวังว่ากำลังดังกล่าวจะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งกองกำลังชุดนี้ จะเป็นกองกำลังเสริมที่ลงมาช่วยปฏิบัติงานกับกองกำลังทหารเดิมในพื้นที่ ที่อาจจะมีความอ่อนล้าจากการปฏิบัติงานในพื้นที่มาอย่างยาวนานด้วย

ทั้งนี้ พื้นที่ที่เสริมกำลังจะเป็นพื้นที่หลักๆ ที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะการติดตามกลุ่มคนร้ายตามพื้นที่ป่าเขาต่างๆ และตามหมู่บ้านเป้าหมาย เช่น อ.บันนังสตา อ.รามัน จ.ยะลา อ.เจาะไอร้อง อ.บาเจาะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ส่วน จ.ปัตตานี ก็จะเป็นพื้นที่ อ.หนองจิก อ.สายบุรี อ.กะพ้อ และ อ.ทุ่งยางแดง

พล.ต.ท.พีระ กล่าวถึง ความคืบหน้าด้านคดียิงถล่มมัสยิดบ้านไอปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสว่า ขณะนี้สอบพยานได้ 34 ปาก รวมทั้งวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะปลอกกระสุน พบว่าคนร้ายใช้ปืนจำนวน 3 ชนิดคือ อาก้า เอ็ม 16 และลูกซอง จากการตรวจสอบปลอกกระสุนอาก้า พบว่าเคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่ ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กรณีนี้ได้ตั้งชุดสอบสวนพิเศษเฉพาะกิจลงไปในพื้นที่คลี่คลายคดีให้รวดเร็ว เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด ส่วนความคืบหน้าคดีอื่นๆ ทั้งคดียิงพระ ยิงครูในพื้นที่ อ.รามัน ก็อยู่ในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่

ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ได้เดินทางลงไปจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้งในวันเดียวกัน เพื่อประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ในการกวดขันดูแลความปลอดภัยต่างๆ ทั้งวัด มัสยิด และจะถือโอกาสติดตามความคืบหน้าของคดีความต่างๆ ด้วย รวมทั้งไปร่วมในพิธีศพของตำรวจ สภ.สายบุรี ทั้งนี้ในการหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ จะได้นำประเด็นที่เป็นความห่วงใยของประชาชนและสื่อมวลชนไปแจ้งให้เขาทราบด้วย และจะได้ขอให้เจ้าหน้าที่กวดขันให้มากยิ่งขึ้น ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาไต่สวนคดีลอบยิงถล่มมัสยิดที่ จ.นราธิวาสนั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการไปตามกระบวนการปกติก่อน

ถามว่า มีหลายฝ่ายวิจารณ์ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาภาคใต้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ผู้ใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตร รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ก็แล้วแต่คนมอง แต่ตนมีโอกาสเข้าไปใกล้ชิดผู้ปฏิบัติงาน ได้ลงไปในพื้นที่บ่อยๆ ก็เข้าใจถึงความยากลำบากในการปฏิบัติงานในพื้นที่ เข้าใจผู้ปฏิบัติงาน ยืนยันว่าขณะนี้ผู้ปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีปัญหา ทั้งฝ่ายกองกำลัง ฝ่ายพลเรือนก็ประสานงานกันดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook