คนขับรถบรรทุกพ่วงแทบเป็นลม ได้ยินเสียงดัง-จอดดูเจอหนุ่มเบญจเพสถูกทับขาเละใต้ท้องรถ

หนุ่มโรงงาน วัย 25 ปี เกิดอุบัติเหตุขณะขี่รถจยย.กลางสี่แยกอาถรรพ์ ถูกรถบรรทุกพ่วงเหยียบทับกระดูกขาซ้ายแตกละเอียด หวิดโดนล้อทับศีรษะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (28 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ร.ต.อ.สิทธิเดช วะสมบัติ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ห้วยโป่ง จ.ระยอง รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ ที่บริเวณสี่แยกคาร์ทูน ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว มีนายสมพร อายุ 50 ปี เป็นผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วง และที่ล้อหลังขวาของรถหางพ่วงมี รถจยย.ฮอนด้า สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนสภาพพังยับจอดติดอยู่กับล้อยาง

ขณะที่ล้อหลังซ้ายรถหางพ่วง มี นายปัฐการ อายุ 25 ปี เป็นผู้ขับขี่รถจยย. ขาด้านซ้ายถูกล้อหลังซ้ายของรถหางพ่วงทับ ศีรษะหวิดถูกล้อหลังซ้ายส่วนหลังทับ บริเวณลำตัวและขาขวามีแผลถลอกทั่วร่างกาย กู้ภัยสยามรวมใจจังหวัดระยองต้องใช้แม่แรงขนาดใหญ่มาทำการช่วยเหลือ โดยยกล้อรถนำขาของผู้บาดเจ็บออกมาก่อนนำส่งโรงพยาบาล

จากการสอบถาม นายสมพร คนขับรถบรรทุกพ่วง เล่าว่า ตนขับรถมาจากอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มาส่งเศษเหล็กที่โรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เมื่อส่งเสร็จจึงตีรถเปล่าเพื่อจะกลับ จึงขับมาบนถนนสายยู 1 เพื่อมุ่งหน้าถนนสุขุมวิท

ขณะมาถึงสี่แยกคาร์ทูน ก็ได้ยินเสียงดังจึงได้มองกระจกข้างของรถแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จึงนำรถเข้าจอดเลนซ้ายข้างทางแล้วลงมาดูก็แทบจะเป็นลม เมื่อพบว่าที่ส่วนหลังของรถหางพ่วงมีทั้งรถจยย.และคนขับถูกรถที่ตนขับมาทับทั้งรถทั้งคน ก่อนจะมีกู้ภัยฯเข้ามาทำการช่วยเหลือ

ด้าน นายเฉลิมศักดิ์ ชัยมัง ประธานชุมชนมาบชลูด-ชากกลาง อาสาตำรวจผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า รถจยย.คันเกิดเหตุเกือบไฟลุกไหม้ เพราะมีควันขึ้นขาว ขณะที่รถพ่วงลากรถจยย.ลากไปตามถนน ระยะเกือบ 20 เมตร ดีที่ตนได้เอาน้ำไปราดไว้ก่อน

นอกจากนี้ สี่แยกแห่งนี้เหมือนมีอาถรรพ์มักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์- อาทิตย์ จะเกิดขึ้นบ่อยมาก แต่ถ้าคนที่ไม่เชื่อในเรื่องสิ่งลี้ลับก็จะมองว่าเกิดจากการขาดความระมัดระวัง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

เบื้องต้น ผู้บาดเจ็บยังไม่สามารถให้การใดๆ ได้ จึงต้องรอให้คนเจ็บอาการดีขึ้นก่อน ซึ่งจะได้สอบสวนจากคำให้การของคนเจ็บว่าขับรถมาอย่างไร แต่ในเบื้องต้นก็จะรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานดำเนินการตามกฎหมายต่อไป