สภาฯ ด่ากันขรม-ประท้วงวุ่น! จตุพร จวก ทุกพรรคซัดเลือกตั้งสกลฯโคตรโกง

สภาฯ ด่ากันขรม-ประท้วงวุ่น! จตุพร จวก ทุกพรรคซัดเลือกตั้งสกลฯโคตรโกง

สภาฯ ด่ากันขรม-ประท้วงวุ่น! จตุพร จวก ทุกพรรคซัดเลือกตั้งสกลฯโคตรโกง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อภิปรายพ.ร.บ.รายจ่ายเครื่องติดช่วงเย็น "จตุพร"อภิปรายดุเดือดซัดรัฐบาลบริหารงบฯ ลากยาวไปจับเสื้อแดง แขวะขนคนเลือกตั้งซ่อมล่วงหน้าสกลฯ ด่า"หมอวรงค์"ทำแท้ง ส.ส.ปชป.-"จุมพฎ"ประท้วงแหลกวุ่นวายไปหมด "สนอง"นำส.ส.ภท.สาบานหน้าพระบรมรูปร.7 ลั่นไม่ได้โกงเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ในวันที่ 2 เป็นไปด้วยความราบเรียบกระทั่งเวลา 17.10 น.นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยฃและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ลุกขึ้นอภิปรายโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลและการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะงบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) แต่กลับปฏิบัติกับคนอย่างไม่เท่าเทียมกัน รวมถึงงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะงบประมาณ สตช.ที่ได้รับงบประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ไม่ควรได้เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของ สตช.มีการปฏิบัติเหมือนกับคนไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับกลุ่มของตนที่มีการออกหมายจับเพิ่มเติมจาก 8 คนและบางคนยังถูกออกหมายจับซ้ำกันถึงสองครั้ง ผิดกับคดีของคนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลโดยเฉพาะของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ รมว.ต่างประเทศตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาด้วยหลายคดีแต่จนถึงขณะนี้ คดียังไม่มีความคืบหน้า

นายจตุพร ยังกล่าวตอนหนึ่งว่าถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.สกลนครว่า ตอนนี้กำลังจะมีการเลือกตั้งซ่อมแต่ปรากฎว่ามีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตเป็นจำนวนมากและที่โรงพักไม่อนุญาตให้เก็บหีบเลือกตั้ง ปรากฎว่าได้นำหับบีบบัตรไปเก็บไว้ที่รถคุมขังผู้ต้องหาเคลื่อนที่ทำให้การเลือกตั้งจังหวัดสกลนครแปลกประหลาดที่สุดโดยมีการขนคนไปเลือกตั้ง เอาหีบบัตรใส่ในรถผู้คุมขัง ซึ่งตนอยากบอกว่าให้เอาหีบบัตรออกแต่ให้เอาผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่ไปขังแทน เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม

"การเลือกตั้งครั้งนี้แปลกประหลาดมากที่สุดที่เอาหีบบัตรไปไว้ในรถคุมขังผู้ต้องหา จึงเกรงว่าจะมีการเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า เพราะมีคนไปใช้สิทธิ์มากผิดปกติ ขณะนีเดียวกันเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่มีสิทธิ์ไปบอกให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า เพราะเหตุผล คือ ต้องการให้ผู้ติดภารกิจไม่สามารถมาเลือกตั้งได้ ไม่ใช่ขนคนมาเลือกตั้ง โดยมีการตั้งเป้าไว้ถึง 5 หมื่นคนจึงอยากร้องขอไปยัง กกต.ให้จัดการเลือกตั้งด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม หากไม่ยุติธรรมความสงบก็ไม่เกิดขึ้น"นายจตุพร กล่าวและว่า ส่วนงบ กอ.รมน.ที่มีตั้งงบเพื่อสร้างความจงรักภักดีนั้นก็พบว่ารัฐบาลได้ใช้ความจงรักภักดี ไปหากินทางการเมือง มีการตั้งงบประมาณ ที่สร้างความไม่สบายใจให้คนในชาติ ประชาชน 60 ล้านคน โดยตั้งงบให้คนแสดงจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์มาร้องขอให้ประชาชนจงรักภักดี เพราะประชาชนทุกคนจงรักภักดีอยู่แล้ว จึงอยากขอร้องว่าอย่าให้สถาบันมาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงและขอให้ถอนคำพูด เพราะไม่อยากให้พาดพึงถึงสถาบันและระบุว่า "นายจตุพรไม่ควรพูดถึงสถาบันโดยไม่จำเป็นและไม่มีหลักฐานว่าเอาความจงรักภักดีมาหากิน จึงอยากให้ถอนคำพูด" แต่นายจตุพรไม่ยอมจึงอภิปรายต่อ จากนั้นน.พ.วรงค์ได้ประท้วงอีกว่า "มีประชาชนชาวพิษณุโลกโทรศัพท์เข้ามาบอกว่านายจตุพรอย่าทำหน้าถมึงทึงระหว่างการอภิปราย" ซึ่งทำให้นายจตุพรตอบโต้ด้วยเสียงดุดันว่า "ผมเป็นนักการเมืองไม่ใช่หมอทำแท้ง ที่จะทำหน้าระรื่นได้" ทำให้ นพ.วรงค์ ประท้วงและขอให้สิทธิ์พาดพิงให้นายจตุพร ถอนคำว่า "หมอทำแท้งออกเพราะมีอาชีพเป็นหมอสูตินารีเวชมาก่อน" แต่นายจตุพร กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ได้บอกว่าเป็นหมอวรงค์เป็นหมอทำแท้ง แต่ นพ.วรงค์ ยืนยันว่าจะต้องถอน พร้อมกลับกล่าวตอบโต้อย่างดุเดือดเช่นเดียวกันว่า "ผมเป็นหมอสูตินารีเวชจริง มีหน้าที่ทำคลอด หากภรรยาของคุณจตุพรต้องการจะทำแท้ง ผมก็สามารถช่วยได้"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้น มีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนลุกขึ้นประท้วงให้ถอนคำพูด อาทิ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.นายสมบูรณ์ อุทัยเวียงกุล ส.ส.ตรัง ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างตรึงเครียดและทำให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมสั่งให้นายจตุพรถอนคำพูดจนนายจตุพรต้องถอนคำพูดในที่สุด จากนั้นจึงอภิปรายตำหนินายอภิสิทธิ์ที่เดินทางไปกัมพูชาหลายครั้งแต่กลับไม่ทวงคืนเขาพระวิหารอย่างที่เคยโจมตีรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช

หลังจากที่นายจตุพรอภิปรายจบมีส.ส.หลายคนลุกขึ้นประท้วง อาทิ นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า พรรคภูมิใจไทยเสียหายที่ถูกกล่าวหาว่ามีการกระทำส่อทุจริตเลือกตั้ง จนทำให้คนที่อยู่ในต่างประเทศ ต้องโทรมาหากำนันผู้ใหญ่บ้าน ว่าให้ต้องช่วยกัน ทั้งหมดนี้เป็นการกล่าวคำเท็จของนายจตุพร จึงอยากให้มีการถอนคำพูด จากนั้นนายจุมพฎ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่นั่งอยู่ในกลุ่มของ ส.ส.ภูมิใจไทยได้ลุกขึ้นประท้วงว่านายจตุพรกล่าวพาดพิงว่าขายตัว ทั้งๆ ที่ตนได้แสดงเจตนาชัดเจนว่าเตรียมตัวจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ทำให้ครอบครัวและวงศ์ตระกูลของตนเสียหาย ดังนั้นจึงอยากสาปแช่ง สาบานให้คนที่ออกมากล่าวหาตนให้มีอันเป็นไป ถ้าตนรับเงินจากพรรคภูมิใจไทย แม้แต่บาทเดียวขอให้ตระกูลฉิบหายวายวอด

ขณะที่นายจตุพร ยืนยีนว่า ไม่ได้มีการพูดพาดถึงนายจุมพฎ แต่อย่างใด แต่นายจุมพฎ กล่าวว่า "ผมยินดีที่จะลาออกจากพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยมีเงิน 11 ล้านบาทไว้วางให้ กกต.ในการจัดการเลือกตั้งใหม่ ผมไม่ได้อยากอยู่พรรคเพื่อไทยและไม่อยากอยู่ในพรรคการเมืองที่ตกอยู่ใต้อำนาจของใคร" ซึ่งนายจตุพร ได้กล่าวอีกว่า "ยืนยันว่าพรรคต้องขับออกแน่นอน เพราะไม่เอาคนทรยศไว้ในพรรคหรอก แต่ผมอยากถาม กกต.ว่าถ้าจ่ายเงินแทนทำได้หรือไม่ แต่คนที่ออกมาพูดเช่นนี้เป็นการสะท้อนถึงความโง่"

จากนั้นนายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงโดยใช้สิทธิพาดพิงว่า กรณีที่ถูกนายจตุพรกล่าวพาดพิงถึงการเลือกตั้งจ.สุราษฏร์ธานีนั้นเสียใจที่มี ส.ส.แบบนี้ แต่เขาไม่ได้ถูกเลือกมาจากคนสุราษฎร์ แต่อาศัยเกิดที่ จ.สุราษฏร์ธานี แต่ไม่เคยกตัญญูกับพ่อแม่ กลับไปกตัญญูกับคนที่จ่ายเงินให้ ไม่เคยคิดว่าจะเจออันธพาลในสภาแบบนี้ มาถึงช่วงนี้ทำให้ นายจตุพร ลุกขึ้นตอบโต้อย่างดุเดือดว่า "ที่ผมนำข้อมูลการเลือกตั้งที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาพูด เพราะเป็นคำวินิจฉัยของกกต.แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอาแม่ของผมมาพูด ผมไปยุ่งอะไรกับแม่ของคุณ แม่ของผม ผมก็ดูแลของผมเอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของคุณ"

ระหว่างนั้นทำให้บรรยากาศช่วงนี้เกิดความวุ่นวายและมีส.ส.ลุกขึ้นมาตอบโต้อีกหลายคนและในที่สุดนายชัด ได้ตัดทบให้สมาชิกทุกคนพอแล้ว และไม่ควรโต้ตอบกันไปมา

ต่อจากนั้นเชิดชัย พิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นตอบโต้ที่นายจตุพร กล่าวหาว่า มีการขนคนไปเลือกตั้งล่วงหน้าที่จังหวัดสกลนครแบ่งเป็นวันคู่และวันคี่ ทำให้พรรคภูมิใจไทยเสียหาย จึงขอท้าให้ไปสาบานที่หน้าพระบรมรานุสาวรีย์รัชการที่ 7 ที่บริเวรหน้าอาควรรัฐสภา

ต่อมาเวลา 18.35 น.ส.ส.พรรคภูมิใจไทยจำนวน 6 คนนำโดยนายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ ได้สาบานต่อหน้าอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 โดยนายสนองเปิดเผยว่า พวกเราได้สาบานว่าหากการอภิปรายของนายจตุพรครั้งนี้เป็นความจริงขอให้พรรคภูมิใจไทยมีอันเป็นไปทางการเมือง แต่ถ้าไม่จริงขอให้นายจตุพรมีอันเป็นไปภายใน 7 วัน 10 วัน อย่าได้มีอนาคต เหตุที่เรากล้าสาบานแบบนี้ เพราะยืนยันว่าสิ่งที่นายจตุพรเป็นความจริงและตอนนี้ทั้งผู้สมัครในเขต 3 สกลนครและประชาชนในจ.สกลนครได้ไปแจ้งความฐานหมิ่นประมาทนายจตุพรแล้ว ซึ่งครั้งนี้เราได้ท้าให้นายจตุพรมาร่วมสาบานด้วยแต่นายจตุพรไม่กล้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังสาบานจบท้องฟ้าก็เริ่มขมักขมัวและฝนเริ่มโปรยปรายลงมาทำให้ส.ส.และสื่อมวลชนต่างวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook