เพชร เปิดใจ! ถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่อยู่เมืองนอก

เพชร เปิดใจ! ถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่อยู่เมืองนอก

เพชร เปิดใจ! ถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่อยู่เมืองนอก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลูกเพชร ยันโดนละเมิดทางเพศ จากผู้เป็นพ่อตั้งแต่อยู่เมืองนอก เคยเปิดอกคุยกันแล้ว ได้คำตอบว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ยังเดินหน้าสร้างหุ่น "พุ่มพวง" ต่อไป ด้าน "ไกรสร" บอกไม่คิดรั้งลูก แค่เป็นห่วง ยืนยันต่อให้ตายก็ไม่มีทางข่มขืนลูก

ความคืบหน้าความขัดแย้งระหว่าง นายสรภพ ลีละเมฆินทร์ หรือ "เพชร" ลูกชายอดีตราชินีลูกทุ่งพุ่มพวง ดวงจันทร์ กับนายไกรสร ลีละเมฆินทร์ (แสงอนันต์) ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 มิถุนายน นายสรภพให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปร่วมรายการโทรทัศน์ ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ว่า วันนี้มาคนเดียว ไม่มียายบุญธรรม ไม่มีแม่บุญธรรม ไม่มี น.ส.ธิดารัตน์ มาด้วย เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะหาว่าทั้งหมดมาคุมอีก โดยวันนี้ตั้งใจอยากให้ทุกคนได้ดูเทปการแถลงข่าว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วัดทับกระดาน และเทปงานแถลงข่าวของอีกฝ่ายเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสิน

หลังจากนั้นนายสรภพได้เปิดเทปบันทึกงานดังกล่าวทั้ง 2 งานให้ผู้สื่อข่าวดู ก่อนที่จะนำสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลาดพร้าว ที่ระบุว่าเปิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนร่วมบริจาค ซึ่งในบัญชีมีเงินอยู่ 11,600 บาทมาแสดง

นายสรภพกล่าวว่า บัญชีดังกล่าวเป็นบัญชีของตนที่ทุกคนกล่าวหาว่าเป็นบัญชีของ น.ส.ธิดารัตน์ โดยในส่วนที่ตั้งตู้รับบริจาคไว้ยังไม่ทราบว่ามียอดเงินเท่าไหร่ เพราะเพิ่งลาสิกขาออกมาจึงยังไม่ได้นับเงิน

"การที่น้าๆ ออกมาขัดไม่ให้สร้างหุ่นแม่ผึ้ง ผมถามว่าสาเหตุตรงนั้นเพราะอะไร เขาบอกว่า ยายและน้าไม่ให้สร้าง ผมจึงคิดว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า ตอนที่ผมเป็นพระ ผมเคยออกรายการโทรทัศน์และเปิดให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน โดยโหวตเข้ามา ปรากฏว่าคนที่อยากให้ผมสร้างหุ่นมีถึงร้อยละ 93.88 ผมจึงจะต้องดำเนินการต่อไป" นายสรภพกล่าว

นายสรภพยังกล่าวถึงประเด็นที่ น.ส.จันทร์จวง ดวงจันทร์ น้าสาว ออกมาบอกให้ใช้เงินตัวเองในการสร้างหุ่น ว่าเป็นการดีและขอบคุณที่ได้ชี้แนะทางออกให้ โดยตนจะขอนำเงินของแม่มาใช้ นั่นเพราะตนมีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของแม่ ที่แม่สร้างมา และการที่น้าๆ ออกมาบอกว่า ทำไมใช้เงินตัวเองสร้าง บอกเลยว่าจะใช้เงินตรงนั้นได้อย่างไร ในเมื่อตอนที่เป็นนักร้อง พ่อก็ออกมาให้ข่าว น้าๆ ก็ออกมากีดกันเพื่อไม่ให้ตนมีงาน ส่วนตัวแทบจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว

"ถามว่ารู้ได้อย่างไร ว่าถูกกีดกัน มีผู้ใหญ่บอกมา ซึ่งผู้ใหญ่ท่านนั้น ไม่อยากจะยุ่งเรื่องในครอบครัว และคิดว่าหากบวชอย่างไร ต้องมีคนมาทำบุญให้อยู่แล้ว จึงจะนำเงินส่วนนี้ไปสร้างหุ่นแทน ส่วนเรื่องจะทวงสิทธิ์มรดกของแม่หรือไม่ ผมยังขอไม่พูดตอนนี้ และยังไม่มีการติดต่อคุยกับพ่อเรื่องมรดก ยังไม่ทันไร พ่อก็ออกข่าวมาแล้ว ว่าถ้าผมจะเอามรดกตรงนั้นไปใช้ก็ให้ไปฆ่าเขาเสียก่อน พ่อเขาคิดได้อย่างไร ผมจะไปฆ่าเขาได้ยังไง ผมงง คือผมไม่ได้เรียกร้องแล้วจู่ๆ พ่อมาหาว่าผมจะเอา ซึ่งเงินของพ่อผมไม่ยุ่งแน่นอน" นายสรภพกล่าว

นายสรภพกล่าวว่า ชาติปางก่อนไม่รู้ว่าเคยทำอะไรกับน้าๆ ญาติๆ อาจเป็นเวรกรรม แต่อยากจะบอกว่าขอให้ทุกคนหยุด ให้เห็นใจแม่ผึ้ง ยอมรับว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา เบื่อที่จะต้องออกมาทะเลาะกับญาติ วันนี้จึงขอยุติทุกอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันอีกในปีหน้า หรือปีไหนๆ ก็ตาม ส่วนเรื่องการละเมิดทางเพศที่มีการเปิดประเด็นว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสรภพตอบว่า ไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกไปได้ยังไง ใครเป็นคนจุดประเด็นขึ้นมา เมื่อผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า น.ส.ธิดารัตน์ อรรถรัตน์ หรือ "น้ำอ้อย" แฟนสาว เป็นคนบอก นายสรภพกล่าวเลี่ยงๆ ว่าได้รับหลายสิ่งหลายอย่างในบ้านหลังนั้น ตลอดที่อยู่มา 18 ปี หากใครไม่ใช่ตนคงไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร อีกทั้งไม่มีหลักฐานที่จะมาแสดง จึงอยากให้เรื่องยุติ และขอไม่พูด

นักข่าวพยายามถามเกี่ยวกับกรณีเรื่องละเมิดทางเพศของผู้เป็นพ่อ ที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ว่าจริงหรือไม่ เพชรพยายามตอบเลี่ยง เพราะไม่อยากพูดถึง นักข่าวไม่ละความพยายาม ยังถามต่อด้วยว่าโดนกระทำตั้งแต่เมื่อไหร่ ทายาทอดีตราชินีลูกทุ่งเพียงคนเดียวตอบคำถามนี้ว่า ตั้งแต่เมืองนอก คนที่เมืองนอกก็รู้ และเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เคยคุยกับพ่อแล้ว และได้คำตอบว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ

นายสรภพได้กล่าวขอให้พ่อและน้าๆ ปล่อยตนไป แต่ไม่ใช่ตัดขาด เพราะถ้าตัดขาดคือการไม่เจอกัน ไม่คุยกัน อยู่ในวงการก็ต้องเจอกันคุยกันเป็นธรรมดา ปัญหาทุกอย่างขอเก็บไว้คนเดียว ยอมเจ็บคนเดียวดีกว่า หลายคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไม่ขอพูดจากปากตนจะดีกว่า

ด้านนายไกรสรให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโต๊ะข่าวบันเทิง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวว่าการที่เพชรขอแยกตัวไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ความรู้สึกเสียใจนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว และคิดว่าไม่มีอะไรจะสูญเสียไปได้มากกว่านี้ ไม่เคยคิดรั้งลูกไว้ เนื่องจากเพชรโตแล้ว อายุ 22 ปีแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเพชรไปอยู่ในที่ที่สมองของเพชรไม่ได้คิดเอง ทำให้ภาพที่ออกมาเป็นเด็กก้าวร้าว

"วันนี้ทุกคนไม่ได้รั้งเพชร เพียงแต่เป็นห่วงเพชร เพราะเพชรไม่ใช่เพชรคนเดิม แม้เขาอยากจะตัดขาด ไม่ให้ผมเป็นพ่อ ผมก็ไม่ว่าอะไร จะดูอยู่ห่างๆ อย่างไรผมเองก็รู้ดีว่าผมเป็นพ่อเขาอยู่ เรื่องต่างๆตัวเขาเป็นฝ่ายรู้ดี เวลาอยู่กับพ่ออยู่กับตายายเป็นอย่างไร เพื่อนฝูงของเขาก็น่าจะรู้ให้คนเหล่านั้นเป็นคนออกมาพูดดีกว่า" นายไกรสรกล่าว

ต่อข้อซักถามว่า เพชรได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตัวเขามีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของแม่เช่นกัน เนื่องจากเป็นลูก นายไกรสรตอบว่า ไม่เป็นไร ทุกวันนี้ไม่ว่าลูกจะพูดอะไร ตนรู้สึกสงสาร พูดไปก็ไม่ดีกับตัวเอง

เมื่อถามย้ำถึงข่าวลือเรื่องวิปริตทางเพศที่ออกมา นายไกรสรกล่าวว่า เป็นอะไรที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต แต่ถึงอย่างไรตนก็ให้อภัย ไม่ว่าเพชรจะไปพูดเรื่องนี้กับใครตอนไหน คิดว่าเพชรมีเหตุผลเพื่อให้ทุกคนสงสาร อยากจะถามคนที่คิดเรื่องนี้ว่าคิดได้อย่างไร

"ต่อให้ผมตายก็ไม่มีทางเป็นไปได้พันเปอร์เซ็นต์ ไม่มีมูลเหตุเลยแม้แต่นิดเดียว"

ส่วนกรณีที่เพชรจะขอตรวจสอบมรดกย้อนหลังของพุ่มพวง ดวงจันทร์ นั้น นายไกรสรบอกว่า ยินดีที่จะให้ตรวจสอบทุกเรื่องและอยากจะฝากบอกลูกว่าเงินที่เลี้ยงเพชรมามากกว่ามรดกที่มีอยู่

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook