ภรรยาวอนขอค่ารักษาแม่ 2 แสน หลังสามีถูกหวย 12 ล้าน สะบั้นรักหนีไปแต่งงานใหม่
จากกรณีที่ น.ส.ชญาภา อายุ 50 ปี แม่ค้าขายลูกชิ้นทอด อยู่ในย่านสำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางเข้าพบ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอคำปรึกษา หลังจากที่สามีถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 จำนวน 12 ล้านบาท งวดวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าสามีได้ไปแต่งงานใหม่กับหญิงอื่น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา และไม่ได้กลับมาดูแลหรือให้เงินที่ได้มาจากการถูกรางวัลที่ 1 จึงต้องการที่จะเรียกร้องสิทธิค่าดูแลและค่าเลี้ยงดูจากอดีตสามี
>> สาวใหญ่ร้องทนายดัง ผัวถูกรางวัลที่ 1 ได้ 12 ล้าน กลับหอบผ้าหนีไปแต่งงานเมียใหม่
ความคืบหน้าในวันนี้ที่ 31 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ อพาร์ทเม้นท์ หมู่ 3 ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นห้องพักของ น.ส.ชญาภา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ได้พบว่าที่ห้องดังกล่าว น.ส.ชญาภา พักอาศัยอยู่กับแม่ที่อายุเกือบ 80 ปี ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ และช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ น.ส.ชญาภา ต้องคอยหาข้าวป้อนให้กินและอาบน้ำให้ ที่บริเวณหน้าห้องพักพบรถเข็นขายลูกชิ้นทอดจอดอยู่หน้าห้อง พร้อมด้วยของเก่าประเภทขวดแก้วกระป๋องอะลูมิเนียมและเศษพลาสติกอื่นๆ ที่ไปเก็บมาวางกองรวมไว้ที่หน้าห้องเพื่อนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ซึ่ง น.ส.ชญาภา กำลังป้อนข้าวและอาบน้ำให้ผู้เป็นแม่
โดย น.ส.ชญาภา ได้เล่าว่า สามีตนชื่อนายวิชัย อายุ 43 ปี อาชีพเป็นลูกจ้างส่งน้ำแข็ง ซึ่งตนและสามีอยู่กินกันมานานกว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งตอนแรกก็พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าแห่งนี้ด้วยกัน ทุกๆ 3 วันสามีจะให้เงินตนจำนวน 1,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน ต่อมาตนได้ไปรับแม่มาเลี้ยงดูที่ห้องด้วยเนื่องจากแม่ของตนอายุมากแล้ว แถมเป็นโรคอัลไซเมอร์ หลงๆ ลืมๆ จึงต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา ซึ่งตนจะดูแลแม่ได้ก็ในช่วงเช้าถึงตอนเย็น ก่อนที่ตนจะออกไปขายลูกชิ้นทอด ซึ่งในช่วงเย็นสามีตนก็จะกลับมาจากทำงานพอดี ตนก็ออกไปขายลูกชิ้นทอดและจะกลับเข้ามาที่ห้องก็ประมาณ ตี่ 1 ของทุกคืน
ซึ่งแรก ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมาสามีตนได้มาขอแยกไปเช่าห้องพักต่างหาก ซึ่งอยู่ในซอยเดียวกัน โดยสามีได้บอกว่าต้องการเวลาพักผ่อนเนื่องจากแม่ตนที่ป่วยโรคอัลไซเมอร์ มาอาศัยอยู่ด้วยทำให้เวลาพักผ่อนไม่พอจึงขอแยกห้อง ทั้งตนกับสามีก็ยังไปมาหาสู่และมีความสัมพันธ์กันเหมือนเดิม จนกระทั่งวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 สามีได้ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลข 369765 มาจำนวน 2 ใบ และปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 12 ล้านบาท ช่วงเย็นวันนั้น สามีได้เดินมาหาที่ห้องเช่าและบอกว่าถูกรางวัล ตนยังขอดูสลากกินแบ่ง สามีบอกตนว่าถ้าได้เงินแล้วจะเอามาแบ่งให้ แต่หลังจากนั้นสามีตนก็หายตัวไป แรกๆ ก็ยังโทรติดต่อกันได้ แต่หลังจากนั้นก็โทรติดต่อไปสามีตนก็ไม่ยอมรับสาย และติดต่อสามีไม่ได้อีกเลย แต่เพื่อนของตนโทรไปติดต่อกับสามีได้
ต่อมาในวันที่ 21 กรกฎาคม 2562 สามีตนได้เอาเงินมาฝากเพื่อนให้เอามาให้ตน 1 หมื่นบาท เพื่อให้ตนเอาไปใช้หนี้นอกระบบที่สามีตนได้ไปกู้มา จำนวน 6,000 บาท และเหลือเงินเอาไว้ให้ตนใช้เพียง 4 พันบาทเท่านั้น และในวันถัดมาเพื่อนก็ได้มาบอกว่า สามีตนกลับมาขนของในห้องเช่าออกไปหมดแล้ว โดยที่ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน กระทั่งในวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 สามีตนได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า แต่งงานแล้ว ตนจึงไปตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ จนทราบว่าสามีไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นแล้วจริง ๆ และจนถึงทุกวันนี้ตนก็ไม่สามารถติดต่อสามีได้ จึงได้เข้าปรึกษาทนายความว่าตนจะสามารถเรียกร้องสิทธิ์อะไรได้บ้างในฐานะที่เคยเป็นสามีภรรยากันและใช้จ่ายเงินอยู่ด้วยกัน
น.ส.ชญาภา ยังกล่าวอีกว่า ถ้าได้เจอสามีอีกครั้งก็อยากจะบอกเขาว่า ขอความเมตตา จากคนที่เคยทุกข์ยากกันมา ในเมื่อได้โชคได้ลาภขนาดนี้แล้ว ก็อยากให้เขามีความเมตตาช่วยเหลือเราบ้าง เขาก็รู้เรายังลำบากอยู่ ตอนดูแลแม่ที่ป่วยเป็น อัลไซเมอร์ หลงๆ ลืมๆ เราก็ลำบากเพราะต้องไปขายของและต้องมาดูแม่อีกคนเดียวมันก็ลำบาก ขนาดตอนที่เขาอยู่เราก็ยังลำบากเลย และตอนนี้เขาก็ไม่อยู่แล้ว หนี้สินก็ยังมีอยู่ ก็เลยอยากวิงวอนว่าน่าจะมีจิตเมตตาหรือมีมนุษย์ธรรม ที่จะช่วยเหลือตนบ้างเพื่อเอามารักษาแม่และเอาไปใช้หนี้บ้าง ซึ่งตนก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขอเพียง 2 แสนบาทเท่านั้น ตนก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากกว่านั้น
ถามว่าอยากจะให้เขากลับมาอยู่กับตนอีกหรือไม่ ถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากจะให้เขากลับมา แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะเขาก็ไปมีผู้หญิงอื่นแล้ว ก็อยากแค่ให้เขานึกถึงตอนที่ลำบากมาด้วยกัน และที่เขาขอแยกตัวออกไปเขาก็พูดเองว่า เราไม่ได้เลิกกันนะแค่แยกตัวออกไปเท่านั้น แต่พอมาเขามีโชคมีลาภของเขาแล้ว ถึงแม้เขาไม่มาอยู่กินกับเราแล้วความเมตตาจากเขาให้ช่วยเราสักหน่อย แล้วเขาจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เรามีแต่ว่าจะอวยพรตามหลังให้เขาให้ไปเจอในสิ่งที่ดีๆ
ทุกวันนี้ในช่วงเย็นตนยังต้องขายลูกชิ้นทอดอยู่หน้าร้านทองปากซอย มีรายได้หักต้นทุนแล้วเหลือเพียงวันละ 2-3 ร้อยบาทเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่พอใช่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามาหนุนช่วย ช่วงที่ตนไปขายก็จะปล่อยแม่อยู่ที่ห้องคนเดียวและปิดประตูเอาไว้ และตนจะวิ่งกลับเข้ามาดูชั่วโมงละครั้ง ตนเป็นห่วงแม่มากเพราะอายุมากแล้ว จึงอยากให้เขาช่วยปันน้ำใจมาให้สักหน่อยเพื่อที่ตนจะได้มีเวลาดูแลแม่มากกว่านี้