เทพเทือกแจงกกต.ตรวจสอบได้คดีหุ้น ย้ำขายทิ้งก่อนเป็นรองนายกฯ

วันที่ 20 มิ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงกรณีที่อยู่ในข่ายที่อาจถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยเนื่อง จากให้พ้นสมาชิกภาพ เพราะถือหุ้นในบริษัทคู่สัมปทานของรัฐ ว่าเมื่อกกต.วินิจฉัยว่าอย่างไรให้ดูการวินิจฉัยของกกต. หากกกต.เห็นว่าส.ส.ขาดคุณสมบัติจะต้องส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อถึงเวลานั้นตนจะไปชี้แจงกับศาลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนขอให้สบายใจ และขอย้ำว่ากฎหมายจะต้องเป็นกฎหมาย ถ้าเขาว่าขาดคุณสมบัติผมก็ต้องว่าขาดคุณสมบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจำนวนส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกวินิจฉัยจะมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องไม่เป็นไร เมื่อกฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องว่าอย่างนั้น ต่อข้อถามว่าเรื่องนี้จะช่วยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 265 ทำได้ง่ายขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนขอพูดเฉพาะเรื่องหุ้นอย่างเดียวไม่ขอแสดงความเห็นเรื่องอื่น เรื่องนี้ขอให้รอดูก่อนจะดีกว่า เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะทำให้รัฐบาลเกิดปัญหาในการทำงาน นายสุเทพ กล่าวว่า ขอให้แยกแยะให้ดีว่า เพราะตนได้ขายหุ้นไปตั้งแต่เป็นส.ส.ฝ่ายค้าน ฉะนั้นเมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่มีหุ้นอะไรเลย

เมื่อถามว่าหุ้นที่ถืออยู่ใน บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ได้ขายหุ้นออกไปหรือยัง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนขายไปนานแล้ว ความจริงตนซื้อหุ้นนี้ไว้นานแล้ว เข้าใจว่าได้แจ้งรายละเอียดให้ป.ป.ช.หลายครั้งแล้ว โดยมีจำนวนหุ้นประมาณ-3,000-5,000 หุ้น บังเอิญตั้งแต่ซื้อราคาตกลงมาตลอดจึงเสียดายและเก็บไว้ ไม่นึกว่าจะมีปัญหาอย่างนี้ และเมื่อรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 ออกมาตนก็ไม่ได้ติดตามซึ่งหากตนขายไปก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุดคงไม่มีปัญหาแล้ว