วิทยา จี้พท.รับผิดชอบบิดเบือนข้อมูลหวัด2009 ทำคนตกใจ

วิทยา จี้พท.รับผิดชอบบิดเบือนข้อมูลหวัด2009 ทำคนตกใจ

วิทยา จี้พท.รับผิดชอบบิดเบือนข้อมูลหวัด2009 ทำคนตกใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิทยา โวยประธานส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยแสดงความรับผิดชอบให้ข้อมูลบิดเบือนทำคนตกใจ สธ.ไม่กลัวเชื้อไข้หวัด2009กลายพันธุ์แจงมีโอกาสแค่ 0.1% พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 73 คน รวม 662 ลุกลาม 24 จว. กทม.-ปริมณฑล มากที่สุด

เผยผู้ติดเชื้อหวัด2009พุ่ง662คน

ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทยยังมีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ติดเชื้อเพิ่มอีก 73 คน รวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 662 คน โดย นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รับรายงานผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 73 คน เป็นนักเรียน 59 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระบบรักษาอยู่ก่อนแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ 13 คน อีก 1 คน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่จากต่างประเทศ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่เดือนเมษายน-20 มิถุนายน รวมแล้ว 662 ราย ขณะนี้ผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 11 คน ส่วนใหญ่ได้รับการรักษาหายดี และยังไม่มีผู้เสียชีวิต

นายวิทยา กล่าวว่า จากการติดตามยอดผู้ป่วยสะสม ขณะนี้ กระจายอยู่ใน 24 จังหวัด อาทิ กรุงเทพมหานคร (กทม.) พบมากที่สุด 381 ราย นนทบุรี 94 ราย ปทุมธานี 65 ราย สมุทปราการ 35 ราย ชลบุรี 30 ราย นครปฐม 13 ราย เป็นต้น

ส่วนกรณีที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธาน ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โจมตีการทำงานของ สธ.นั้นไม่รู้สึกกังวล เพราะความเข้มแข็งของการป้องกันโรคไม่ได้อยู่ที่คนเพียงคนเดียว แต่ตั้งแต่พบการระบาด แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนทำงานอย่างเข้มแข็งไม่มีวันหยุด และปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกมาโดยตลอด


ชัดส.ส.เพื่อไทยบิดเบือนข้อมูล

"ถือเป็นการกล่าวร้ายที่บอกว่า สธ.ปิดบังข้อมูล เพราะที่ผ่านมาได้รายงานอย่างตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว นายวิชาญต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง เพราะการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงจะทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกมากขึ้น เมื่อมีการระบาดใหม่ไม่มีใครทราบว่าลักษณะของโรคเป็นอย่างไร จำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันเท่าที่มี ขณะนี้ข้อมูลทางวิชาการยืนยันชัดเจนว่า โรคมีระดับความรุนแรงต่ำ คล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ทำให้ทั่วโลกคลายความกังวลในสถานการณ์ระบาดลงได้บ้าง แต่ยังมีคำแนะนำให้ติดตามเชื้ออย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งไทยก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน" นายวิทยากล่าว และว่า สธ.ตั้งเป้าไม่ให้โรคระบาดในวงกว้าง โดยเร่งให้ความรู้แก่ประชาชนทุกด้าน โดยเฉพาะวิธีป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ และขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด คือ ล้างมือบ่อยๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย หากมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดขอแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น


สธ. ไม่หวั่นเชื้อหวัดกลายพันธุ์

ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามและเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 ทราบว่าไม่ได้รุนแรงอย่างที่คาดไว้ในระยะแรก แม้ขณะนี้จะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียง 11 คนเท่านั้น ล่าสุด สธ.ปรับมาตรการการรายงานผลผู้ติดเชื้อให้เป็นไปตามความเหมาะสมของภาวะโรค จากเดิมศูนย์อำนวยการปฏิบัติการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะมีการประชุมและรายงานผลการติดตามผู้ติดเชื้อทุกวัน แต่จากนี้ไปจะประชุมคณะผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดเพียงวันจันทร์ถึงวันศุกร์เท่านั้น ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์จะรายงานผลความคืบหน้าต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ http://www.moph.go.th เพื่อแสดงให้เห็นว่าโรคนี้ไม่ได้น่ากลัว เป็นการลดความตึงเครียดของสถานการณ์การแพร่กระจายโรคในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังคงเฝ้าระวังและติดตามการระบาดอย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจะส่งผลให้เกิดการผสมระหว่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล จนก่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้เช่นกัน แต่โอกาสไม่ถึงร้อยละ 0.1 เพราะโดยปกติร่างกายคนจะไม่รับเชื้อโรคชนิดเฉียบพลันพร้อมกันถึง 2 ชนิด อีกทั้งการกลายพันธุ์ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ และมีระบบเฝ้าระวังโรคอยู่ตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 21 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 20.30-22.00 น. สธ.จะจัดรายการสด "รู้เท่าทันเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (ช่อง 11) โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการจากสถาบันต่างๆ ไปร่วมให้ความรู้และตอบคำถามประชาชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook