"ออฟฟี่ แม็กซิม" รับผิดคิดน้อยทุกเรื่อง! จวก "ขนเพชร" ทำเจ็บ กุมความลับเด็ดอยู่

"ออฟฟี่ แม็กซิม" รับผิดคิดน้อยทุกเรื่อง! จวก "ขนเพชร" ทำเจ็บ กุมความลับเด็ดอยู่

"ออฟฟี่ แม็กซิม" รับผิดคิดน้อยทุกเรื่อง! จวก "ขนเพชร" ทำเจ็บ กุมความลับเด็ดอยู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี "ออฟฟี่ แม็กซิม" เน็ตไอดอลตัวแม่ ถูกเพื่อนๆ เปิดมหกรรมรุมกินโต๊ะ แฉกันสนั่นวงการ ไม่เว้นแม้แต่ "ขนเพชร" เน็ตไอดอลคนใกล้ตัวซึ่งทำงานด้วยกัน โดยแฉยับทั้งเรื่องเรี่ยไรเงินบริจาคช่วยเหลือ "น้องวันใหม่" แต่ผ่านไป 7 เดือนกลับไม่มีวี่แวว รวมถึงเรี่ยไรเงินจากเพื่อนๆ บอกจะซื้อบ้านให้ร่างทรงที่นับถือ แต่สุดท้ายบ้านหลังดังกล่าวกลับเป็นชื่อของตัวเอง โกงกระทั่งเงินทำบุญบริจาคงานบวชของขนเพชร แถมยังตีมึนให้ค่าตัวขนเพชร งานละ 5 พัน ทั้งที่ถูกจ้างถึง 2 หมื่น และอื่นๆ อีกเพียบ

ล่าสุดรายการโหนกระแสวันที่ 1 ส.ค. โดย "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัดออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.45 – 14.25 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ "ออฟฟี่ แม็กซิม" ทุกเรื่อง  โดยสาวออฟฟี่มาพร้อม "ทนายนิติธร แก้วโต" หรือ "ทนายเจมส์"

คุณหายดีแล้ว?

ออฟฟี่ : "หายดีแล้วค่ะ ไม่สบายค่ะ"

ตรอมใจหรืออะไร?

ออฟฟี่ : "เครียดด้วยค่ะ มีผ่าตัดซีสต์ด้วย ที่มดลูกค่ะ"

เรื่องแรกที่ค้างคาใจหลายๆ คน เรื่องการบริจาคเงิน สรุปเงินบริจาคก้อนนั้น ที่ต้องไปซื้อเครื่องช่วยหายใจให้น้องวันใหม่มันไปไหน ครอบครัวบอกว่าไม่ได้อยากได้เครื่องช่วยหายใจจากคุณ?

ออฟฟี่ : "เรื่องนี้ออฟคิดเองค่ะ เคยสอบถามคุณแม่เขาว่าถ้าสมมติอยู่ดีๆ เครื่องช่วยหายใจพังขึ้นมาจะเป็นยังไง เขาบอกว่ามันก็อันตรายต้องรีบไปหาหมอ แล้วเครื่องช่วยหายใจราคาสูงมาก ราคาเป็นล้าน วันนั้นที่แม่เขาร้องขอความช่วยเหลือหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แล้วเงินบริจาคบางส่วนได้จากคลิป ในคลิปก็ชี้ชัดเลยว่าเป็นบัญชีแม่เขา ซึ่งก็ถึงเขาโดยตรง แล้วหลังจากนั้นหนูก็คิดเองว่าจะเก็บตังค์เพื่อช่วยเรื่องเครื่องช่วยหายใจอีกครั้ง เพราะตอนนั้นที่สัมภาษณ์ในคลิปจะเห็นได้ว่าแม่เขาบอกว่าเครื่องช่วยหายใจมันแพง ถ้ามันพังก็อันตรายและเสี่ยงมาก หนูคิดแบบนั้น แต่ชะล่าใจโดยใช้บัญชีตัวเอง ในการให้คนบริจาคเข้ามา และเป็นเงินบางส่วนจากการไลฟ์สดขายเสื้อผ้าของหนู เก็บหอมรอมริบไว้ จนถึงยอด 2.1 แสน แต่พอเราไม่ได้ติดต่อกลับไปเป็นระยะเวลา 7 เดือน เพราะกว่าจะถึงยอดก็อีกนาน อันนี้ก็เป็นความผิดของหนูเองที่ชะล่าใจไม่ได้ติดต่อกลับไป เพราะคิดว่าเดี๋ยวยอดครบจะโอนให้นะ แต่ยอดที่บริจาคมาจากเฟซบุ๊กในโพสต์ประมาณ 3-4 หมื่น"

คุณแยกเงินเป็น 2 ครั้ง ส่วนแรกคือวันที่คุณไปห้องน้องเขา และไปถ่ายคลิปตรงนั้นเอาออกมาให้คนบริจาค?

ออฟฟี่ : "ใช่ค่ะ ในคลิปนั้นท้ายคลิปเป็นบัญชีคุณแม่น้องเขาเลย แล้วหนูก็มาโพสต์ทีหลังจะช่วยเรื่องเครื่องหายใจ"

ขยักแรกเป็นบัญชีของแม่ คนก็โอนเข้าบัญชีแม่น้อง หลังจากนั้นคุณตั้งใจเอง เขาไม่ได้ไปร้องขอ ถ้าชาวบ้านเขาจะถามว่าคุณไปยุ่งอะไร?

ออฟฟี่ : "อันนี้เป็นความผิดของหนูที่หนูคิดไปเองว่าอยากช่วยเขาจริงๆ คือเจตนาของหนูอยากช่วยจริงๆ"

คิดแทนเขา เลยลงใหม่และบริจาคในบัญชีคุณ ตรงนี้ตรวจสอบได้มั้ย?

ออฟฟี่ : "ได้ค่ะ ตรวจสเตจเมนต์ได้เลยค่ะว่ามีเงินเข้ามาเท่าไหร่ แล้วหนูสามารถแยกได้คือถ้าเป็นยอดเงินบริจาค มันจะเป็นยอดเล็กๆ แต่ถ้ายอดหลักห้าหมื่นถึงแสนก็เงินส่วนตัว แต่พอโพสต์ปุ๊บ ให้บริจาคเข้าบัญชีนี้ เวลาทำงานก็สลับให้ลูกค้าโอนบัญชีอื่นแล้วค่ะ บัญชีนั้นก็นอนอยู่นานมา 2.1 แสน รวมเงินไลฟ์สดขายเสื้อผ้า หาจากตรงโน้นตรงนี้มาบวกๆ ให้มันได้มูลค่ามากขึ้น" 

ทนายเจมส์ กรณีนี้เราเช็กได้มั้ย ว่าเงินโอนเข้าบัญชีส่วนตัวกับโอนเงินมาบริจาค?

ทนาย : "โดยปกติต้องดูก่อนว่าธรรมชาติคุณออฟฟี่เขาทำอะไร เขาอัดคลิปอะไรก็แล้วแต่ มันจะเป็นยอดใหญ่ มันจะมีเรตของมันอยู่ 1 แสน 2 แสน 5 หมื่น เป็นยอดเงินค่าจ้าง เป็นปกติของผู้ว่าจ้าง ถ้าโอนบริจาคก็อาจเป็นไปได้ว่าก้อนใหญ่ๆ หมื่นนึงมีมั้ย ก็อาจจะมี แต่ก็ต้องไปตรวจสอบ"

ออฟฟี่ : "ตรวจสอบสเตจเมนต์แล้วไม่มีค่ะ วันนี้ไม่ได้เอามา แต่สามารถตรวจสอบได้ ยินดีส่งมาให้ดูค่ะ"

ถ้าบริสุทธิ์ใจขอดู?

ออฟฟี่ : "ได้ค่ะ หลังจากเอาบัญชีนี้เป็นเงินทำบุญแล้ว ตอนนี้ของหนูเป็นบริษัท ลูกค้าก็โอนเข้าบัญชีบริษัท  ก็จะไม่มีโอนไปยอดนั้นแล้ว ยอดบัญชีไทยพาณิชย์ก็จะมีแค่เรื่องการทำบุญ"

เรื่องเงินตัวนี้ เคยโอนให้คุณแม่น้องวันใหม่เขาไม่เอา เขาโอนคืน ถ้าจะเอาเงินจำนวนนั้นไบปริจาคที่อื่นได้มั้ย?

ออฟฟี่ : "ตอนนี้เพื่อความบริสุทธิ์ใจ เอาเงิน 2.1 แสนไปบริจาคที่อื่น ที่ที่น่าสงสารและน่าช่วยเหมือนกัน"

บริจาคให้ใคร?

ทนาย : "เขามาปรึกษาผม ว่ากรณีแบบนี้จะทำยังไงได้บ้าง เขาอนุโมทนามา ในเมื่อน้องเขาไม่เอา ก็มีอีกวิธีเอาเงินส่วนนี้ไปบริจาคในสถานที่เขาต้องการเครื่องมือทางแพทย์เหมือนกัน ก็มองดูหลายๆ ด้าน ก็มีอยู่ที่นึงมูลนิธิเพชรเกษม อยู่ที่หัวหิน ซึ่งโซนหัวหิน ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นสถานที่รายได้ดี ไม่น่าจะลำบาก ผมก็เช็กก่อน ก็เช็กจากประธานมูลนิธิ เขาบอกว่าหัวหินมีสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งก็ใช่ แต่ฝั่งหนึ่งเป็นโซนอยู่ภูเขา รถที่เขาใช้รับคนป่วยออกมา 3 คัน เขาไม่มีเครื่องตรวจวัดชีพจรเครื่องช่วยหายใจประจำรถ ผมมอบให้เอง ทั้งหมด 2.1 แสนบาท"

เท่าที่ออฟฟี่บอกมาว่ามีคนบริจาคและตัวคุณสะสม?

ออฟฟี่ : "ค่ะ แต่ถ้าวันนี้ออฟบอกได้เลยว่ารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก โดยการที่ชะล่าใจไม่ได้ติดต่อเขาไปนาน ตอนนี้เงิน 2.1 แสน เอาไปบริจาคที่อื่นที่จำเป็นเพื่อเป็นความบริสุทธิ์ใจว่าเราไม่ได้เก็บเงินไว้ แต่ถ้าวันนี้แม่น้องวันใหม่ให้โอกาสอ๊อฟ ก็อยากเอาเงินส่วนตัวมอบให้เขาอีก 2.1 แสน ถ้าเขายอมรับนะคะ "

คุณรู้สึกผิดมั้ย ที่เอาเงินเข้าบัญชี?

ออฟฟี่ : "หนูรู้สึกผิดตรงที่หนูคิดน้อยไป จริงๆ ควรโอนให้แม่เขาไปเลย  เพราะเจตนาหนูอยากสะสมเงินตรงนี้ไปซื้อเครื่องมือเลย คิดน้อย มันไม่ควรเอาเข้าบัญชี หนูกะว่าเก็บเงินเป็นก้อน แล้วเอาให้แม่เขาทีเดียวเลย"

เรื่องซื้อห้องให้พ่อปู่?

ออฟฟี่ : "พ่อปู่เป็นร่างทรงค่ะ"

คุณไปเรี่ยไรเงินเพื่อนๆ หลักหมื่นหลักแสนจริงมั้ย?

ออฟฟี่ : "ไม่ได้ไปเรี่ยไรนะคะ หนูป็นตัวตั้งตัวตี ที่จะรีโนเวทห้องนี้ให้พ่อ และซื้อห้องนี้ให้พ่อ เพราะพ่อยังเช่าอยู่ พ่อบอกว่าพ่อมีปัญหาเรื่องจ่ายค่าเช่าทุกเดือน ก็อยากให้พ่อสบาย อยู่ในห้องโดยไม่จ่ายค่าเช่า"

ทำไมต้องซื้อให้เขา?

ออฟฟี่ : "เขาเป็นอาจารย์ไงคะ หนูอยากให้พ่อสบายขึ้น นับถือเขาค่ะ เขาสอนให้หนูสวดมนต์ทำบุญก็คนนี้แหละค่ะ"

คุณมีงานจากเขามากขึ้นมั้ย ที่เขาปลุกเสกให้?

ออฟฟี่ : "เขาเป็นสายขาวเลย สอนสวดมนต์ กรวดน้ำให้ถูกวิธี ไม่ใช่ร่างทรงค่ะ พอชีวิตหนูดีขึ้น หนูก็บอกว่าหนูอยากรีโนเวทห้องนี้ให้ใหม่ พ่อบอกว่าทำไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ห้องของเรา เช่าเขาอยู่ หนูก็เลยไปทำเรื่องซื้อห้องนั้น ให้เป็นชื่อตัวเองก่อนแล้วค่อยรีโนเวท แต่หนูไม่ทันคิด ตอนนั้นหนูดำเนินเรื่องเองหมดเลย ทั้งการติดต่อเจ้าของห้องซึ่งยากมาก"

ห้องนี้เท่าไหร่?

ออฟฟี่ : "ห้องนี้หมดไปเกือบล้านนะคะ รวมค่ารีโนเวท เฉพาะค่าห้อง 4 แสน"

เอาเงินมาจากใครบ้าง?

ออฟฟี่ : "90 เปอร์เซ็นต์คือของหนูค่ะ หนูกล้าพูดได้เลย"

แล้วที่เขาบอกว่าเขาบริจาคมาช่วยคุณ บางคนเป็นแสน?

ออฟฟี่ : "ตอนนั้นหนูพูดกับเพื่อนว่า เราทำบุญร่วมกันมั้ย หนูจะช่วยพ่อนะ บางคนโอนมา 4 แสน ค่ารีโนเวทเกือบล้านเพราะตอนแรกเป็นห้องที่เก่ามาก หนูทำใหม่หมดเลยทั้งห้องเลย"

ห้องรวมๆ ประมาณล้าน 90 เปอร์เซ็นของคุณ คือ 9 แสนนะ อีกแสนคือคนอื่นบริจาคเข้ามา?

ออฟฟี่ : "ก็เป็นเพื่อนๆ นี่แหละค่ะ รวมตังค์กันมา"

มากกว่าแสนหรือเปล่า?

ออฟฟี่ : "หนูจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่หนูบอกได้เลยว่าหนูออกเองเยอะมาก เราแค่มีเจตนาให้เพื่อนร่วมบุญกับเราด้วย หลังจากนั้นจะไปดำเนินการกรมที่ดิน วันที่กว่าจะได้ห้องมาเป็นของตัวเอง มันทำธุรกรรมหลายวันมาก หนูเลยไม่ได้พาพ่อไปเซ็นเพื่อเป็นเจ้าของห้อง หนูมีเจตนาอย่างเดียวทำห้องให้เป็นของเราให้ได้ ห้องเสร็จแล้วจะได้รีโนเวทเลย"

ห้องเป็นชื่อคุณ?

ออฟฟี่ : "ใช่ค่ะห้องเป็นชื่อหนู  แล้วหลังจากนั้น พ่อก็อยู่อย่างสบาย บอกให้พ่อไม่ต้องจ่ายค่าห้องอีกแล้ว เพราะหนูซื้อมาเรียบร้อยแล้ว"

โอนให้เขาหรือยัง?

ออฟฟี่ : "โอนแล้วค่ะ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา"

ทำไมเพิ่งโอน เพราะเรื่องแดงหรือเปล่า?

ออฟฟี่ : "หลายคนอาจคิดแบบนั้นแต่เจตนาหนูไม่ใช่แน่นอน เจตนาหนูแค่ให้พ่อมีที่อยู่โดยไม่ต้องเสียเงิน ลดค่าใช้จ่ายพ่อ แต่ถ้าวันนี้เขามาท้วงติง ว่าเธอเอาไปเป็นของเธอหรือเปล่า หนูก็ไม่จำเป็นต้องเอาห้องนั้นเป็นของตัวเอง เพราะความต้องการหนูจะให้เขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่แค่ว่าไม่ได้คิดว่าชื่อควรเป็นชื่อพ่อเพราะตรงนี้หนูอยากให้พ่ออยู่สบาย คนโอนตังค์มาก็ร่วมด้วยช่วยกัน"

มันเหมือนคุณคิดแทนคนอื่นตลอด?

ออฟฟี่ : "ใช่ค่ะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเจตนาดีของหนูนะคะ"

คุณอยากได้เองหรือเปล่า?

ออฟฟี่ : "หนูจะเอาไปทำไมคะ แค่ห้องนี้ กับอาชีพที่หนูทำอยู่ กับบ้านที่หนูมีอยู่"

บ้านคุณกำลังปลูกอยู่หลักร้อยล้าน?

ออฟฟี่ : "ไม่ถึงค่ะ เกือบๆ ค่ะ"

คุณจะบอกว่าห้อง 4 แสนไม่เอาไว้หรอก?

ออฟฟี่ : "แน่นอน หนูตั้งใจซื้อให้พ่อจริงๆ หนูไม่เอามาแลก หนูไม่มีเจตนาจะเอามาเป็นของหนู"

แต่เพื่อนคุณไม่มองแบบนั้นไง?

ออฟฟี่ : "อันนี้หนูรู้สึกผิดจริงๆ และอยากขอโทษเพื่อนด้วย ที่ไม่ยอมโอนให้เป็นชื่อพ่อให้จบสิ้นไปซะ หนูรู้สึกแค่ว่าตอนนี้พ่ออยู่สบาย ไม่ต้องเช่าแล้วนะ หนูคิดแค่นั้น แล้วก็เข้าใจว่าเพื่อนต้องรู้สึกไม่พอใจ"

กรณีคุณคิดเอง เพราะคุณมองตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางจักรวาลหรือเปล่า เป็นเจ้าแม่ มีงานแล้วกระจายออก?

ออฟ : "ไม่จริงค่ะ การกระจายงานออก หมายถึงหนูอาเสนอชื่อคนนี้ๆ ก็เหมือนช่วยกันหางานค่ะ"

คุณเลยเอาแต่ใจตัวองหรือเปล่า?

ออฟฟี่ : "เอาแต่ใจตัวเองนิสัยส่วนตัวค่ะ ยอมรับ หนูคิดว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ถึงจะดี ทุกครั้งคิดไปเองไม่ได้คิดร้าย ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับใคร แต่รู้สึกว่าไปในทางนี้สิถึงจะดี"

เรื่องนี้พัวพันไปถึงเรื่องคุณขนเพชร เคยดูมั้ย?

ออฟฟี่ : "ไม่กล้าดูค่ะ เพราะเจ็บมาก"

เขาบอกคุณเอาเงินบวชเขาไป?

ออฟฟี่ : "อันนี้ไม่จริงเลยสักนิดเดียว"

มีคนบอกว่างานบวชฝากซองมา แต่ทำไมเงินไม่ถึงมือ?

ออฟฟี่ :  "เงินถูกใส่ย่ามหมดแล้วค่ะมีรูปถ่ายเอาไว้ค่ะ แล้วมีรูปใส่ย่าม 1 หมื่นบาท อันนั้นมาจากเจ้าของแบรนด์ที่เป็นคนสนิทหนูเลย"

สนิทมากมั้ยกับขนเพชร?

ออฟฟี่ : "สนิทมาก ตั้งแต่รู้จัก เขาจะพูดเสมอว่าเวลาเขาเจอใครเอาเปรียบจะรีบมาเล่าให้ฟังทันที คู่หูเอาเปรียบเขา ผจก.คนเก่าโกงเขา เราจะสงสารและช่วยทันที นั่นคือจุดเริ่มต้นทำให้เขามาอยู่ในทีม"

เขาบอกว่าคุณใช้เขาเช็ดโถส้วม เช็ดรองเท้า?

ออฟฟี่ : "ไม่เคยนะคะ ถามทีมได้เลย ไม่เคยทำขนาดนั้นค่ะ"

เคยตบหน้าเขามั้ย?

ออฟฟี่ : "ไม่ค่ะ อันนี้พูดโดยข้อเท็จจริงเลยนะคะ วันนี้อยากบอกเรื่องตบหน้าไม่เคย ไม่เคยทำแบบนั้น"

มีคนออกมายืนยัน ชื่อคุณก็อตว่าคุณไปตบหน้าขนเพชร?

ออฟฟี่ : "ไม่มีค่ะ ไม่มีแน่นอน หนูอยากจะเล่าเค้าโครงขนเพชรให้ฟังก่อน ตั้งแต่เขามาอยู่กับหนู เขามาทำงานเป็นครั้งคราว ก็โยนงานให้แล้วแต่ลูกค้าจะเลือก หลังจากนั้นเขาก็พูดว่าคู่หูเขาไม่โอเค คู่หูเขาเอาเปรียบ ผจก.โกงเงิน จนทำให้ทีมหนูมี 20-30 คนรู้สึกสงสารเขามากๆ เราก็เลยบอกว่าเอางี้มั้ยล่ะมาอยู่กับเราแล้วกัน หลังจากนั้นเป็นข้อตกลงกันเลยว่าคลิปไหนลูกค้าไม่ได้เลือกหนูจะแบ่งค่าตัวให้เขาเลย 5 พัน แต่คลิปไหนลูกค้าจ่ายให้ 2 หมื่น หนูก็จะจ่ายให้ 2 หมื่นๆๆ ที่หนูหายไปรักษาตัว หนูก็ได้ไปขอสเตจเมนต์ย้อนหลังมา 1 ปีกว่า  ชี้ชัดไปเลยว่าหนูโอนให้เขาเท่าไหร่บ้าง ถ้าหนูคิดจะโกงเขาจริงๆ หนูจะให้เขา 5 พันไปเรื่อยๆ อย่างนี้เหรอ อีกอย่างเงินแค่นี้หนูไม่เอามาแลกกับชื่อเสียง"

เขาบอกเขาต้องขอหมื่นนึง?

ออฟฟี่ : "ไม่ใช่ค่ะ เขาอยากมาทำงานกับหนู บางคลิปที่ลูกค้าไม่ได้เลือก เขาก็จะมีสิทธิ์ในคลิปนั้น 5 พัน เพราะหนูจับเขายัดเข้าไป ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ทุกงานของบริษัทเขาจะได้ 5 พันตลอด"

บางคลิปคุณไปเรียกค่าตัว 2 หมื่น  แต่คุณให้เขา 5 พัน?

ออฟฟี่ : "อันนี้ไม่จริงเรื่องตรงนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เกิดจากเขาก่อหวอด ตั้งกรุ๊ปไลน์มาด่าหนูว่าหนูโกง สาปแช่งเรื่องลูกด้วย ด่าแรงมาก เขาไม่รู้ตัวว่าหนูอยู่ในกรุ๊ปนั้นมา 2 เดือน หนูก็ให้ด่าไปเรื่อยๆ พอมาสาปแช่งลูกแฟนหนูก็ไม่ยอม ก็ออกมาพูดอะไรบางอย่างจนเขากลัว ก็เลยมีการขอขมา ถ้าสังเกตทั้งแต่งงาน ไปไหนมาไหนก็แล้วแต่ เขาจะพูดเสมอว่าหนูทำกับแม่ไว้เยอะมาก ทำไมแม่ดีกับหนูขนาดนี้ ทำไมแม่อภัยกับหนู ขนขอขมามา 4 รอบแล้ว  ทำไมถึงขอขมา ถ้าเขาคิดว่าหนูโกง เคยออกจากหนูไปแล้ว แล้วกลับมาขอทำงานใหม่ หนูก็ให้โอกาสเขา เขาจะกลับเข้ามาทำไม ถ้าหนูโกงเขา"

ถ้าเราไม่ดีจริงคงไม่กลับมา?

ออฟฟี่ : "หนูให้อภัยทุกครั้งที่เขากลับมา เขาเคยออกไปทำเพลง แต่เจ็บสุดคือเขาบอกว่าถ้ามึงออกไปจากกูจะเหยียบให้จมดิน หนูไม่เคยพูดเลย ถ้าสมมติหนูทำแบบนั้นจริงๆ น้องรู้ดีอยู่แก่ใจว่าความลับน้องเขาคืออะไร หนูสามารถทำได้ แต่หนูก็ไม่ทำ หนูก็ขอไม่พูด ถ้าหนูจะทำจริงๆ ในวันเขาขอออกไปทำเพลง ทำไมเขายังอยู่ดี สบายอยู่" 

ถ้าเปิดความลับนี้ออกมาเป็นยังไง?

ออฟฟี่ : "พังกันไปข้างนึงเลยค่ะ แต่หนูคิดว่าหนูไม่มีเจตนาตรงนั้น หลังเขาทำงานกับหนูเขาขอโทษขอขมาว่าเขาเข้าใจผิด ที่คิดว่าหนูไปดีลลูกค้าเรียก 2 หมื่นโน่นนี่นั่น แต่ละคลิปมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก หนูจ่ายทั้งค่าโปรดักชั่น ค่าตัดต่อ ค่าออกกอง สถานที่ ยิ่งไปต่างจังหวัดบางทีเข้าเนื้อหนูเลย แต่เขาก็ได้รับ 5 พันอยู่"

ซองงานบวชไม่ได้เอาไป ใครออกเงินค่างานบวช?

ออฟฟี่ : "เขาบอกหนูจะเอาเงินซอง ถ้าหนูอยากเอาเงินซอง หนูจะช่วยเขา 2.5 แสนทำไม  2.5 แสน คือค่างานบวช ตั้งแต่มีชีวิตมา เป็นเจ้าภาพงานบวชเยอะมาก แพงสุดเลย อลังการสุดคือแสนกว่าบาท แต่ของเขาเนี่ย เขาแจงรายละเอียดหนูมา ที่ทุกคนไม่เคยรู้มาก่อนเลย แล้วเขาไปคิดเองจัดแจงทุกอย่างว่าจะทำแบบนี้ โดยที่หนูไม่เคยรู้ แต่หนูบอกแล้วว่าจะช่วยเป็นเจ้าภาพ เขากางกระดาษมาวันนั้น 5 แสนเกือบ 6 แสน"

คุณจ่ายมั้ย?

ออฟฟี่ : "ตอนแรกช็อกก่อน ทั้งทีมบอกว่าบวชคนเดียวเนี่ยนะ ใช้เงิน 6 แสน หนูทำอะไรไม่ถูก ก็กัดฟันบอกว่าช่วยได้ 2.5 แสนนะ ก็มีข้อความที่เขาบอกว่าขอบคุณมากนะ"

ซองล่ะ?

ออฟฟี่ : "เป็นการโอนมาหาหนูหนึ่งหมื่นบาท เป็นเจ้าของแบรนด์ หนูก็ใส่ย่ามให้เขา จริงๆ แล้ว 6 แสนที่เขาเอามาให้ หนูว่าบวชได้หลายรูปเลยนะคะ"

กรณีคนออกมาแฉ มีผลต่อข้อกฎหมายมั้ย?

ทนาย : "การเอาข้อความป็นเท็จใส่ร้ายคนอื่นในโลกโซเชียล เขาเรียกว่าเป็นการหมิ่นประมาทโดยโฆษณา จะเรื่องจริงหรือเท็จก็ดี ก็เข้าข่ายหมิ่นประมาทหมด บางคนยังเข้าใจผิดว่าพูดเรื่องจริงไม่เป็นอะไร จริงๆ เป็นความผิดนะครับ อย่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าพี่หุน่มซุกบ้านเล็ก เรื่องจริงแล้วทำให้พี่หนุ่มเสียหาย ก็สามารถฟ้องส่วนตัวได้"

กรณีเพื่อนคุณที่ออกมา เซญ่า ชีสเค้ก รวมถึงขนเพชร วันนี้จะยังไงกับเขา?

ออฟฟี่ : "อยากขอโทษเพื่อนๆ 5-6 คน ไม่เกี่ยวขนเพชร หนู้รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียเยอะ ที่ผ่านมาหายไปนอนรพ. ผ่าตัดซีสต์ ดูแลรักษาฟันที่เกาหลีบ้าง หนูมองย้อนตัวเองตลอด หนูละเลยความรู้สึกเพื่อนไปเยอะมาก ทำให้เรากลายเป็นคนไม่ดี แต่จริงๆ หนูคิดแทนคนอื่นเยอะมาก ข้อเสียของหนูคือใจร้อน เอาแต่ใจ หนูมองย้อนกลับไปหมดเลย และวันนี้อยากขอโทษจากใจจริง และวันนี้จะไปขอโทษเพื่อนๆ ทุกคนต่อหน้าเลย หนูรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจิรงๆ บางทีไม่กล้าดูเลย ชีวิตหลังจากนั้นแย่มากๆ ถามว่าร้องไห้มั้ย ไม่ได้เรียกร้องความสงสารนะคะ ร้องไห้หนักมาก คือเครียดมาก เรารู้สึกผิดจริงๆ ถึงขั้นอยากให้เขาให้โอกาสเราปรับปรุงตัว" 

 

 

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ "ออฟฟี่ แม็กซิม" รับผิดคิดน้อยทุกเรื่อง! จวก "ขนเพชร" ทำเจ็บ กุมความลับเด็ดอยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook