โรงหนังในตำนานคัมแบ็ก! “ลิโด้ คอนเน็คท์” พื้นที่แห่งโอกาส และความคิดสร้างสรรค์อันอิสระ

ได้เวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียทีสำหรับ “ลิโด้ คอนเน็คท์ (Lido Connect)” ที่สานต่อพื้นที่โรงภาพยนตร์สุดคลาสสิคของเมืองไทยอย่าง ลิโด สู่การเป็นพื้นที่ที่จะมอบโอกาสให้กับศิลปินทุกแขนงได้มาแสดงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถทุกรูปแบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

โดยภายในงานที่ใช้ชื่อว่า Grand Opening Lido Connect The Unexpected Experience ซึ่งจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ณ ลิโด้ คอนเน็คท์ สยามสแควร์ ก็เต็มไปด้วยสื่อมวลชน แขกผู้มีเกียรติ รวมถึงบุคคลทั่วไปในบริเวณดังกล่าวให้ความสนใจในการกลับมาของพื้นที่แห่งความทรงจำแห่งนี้ ซึ่งบริเวณด้านนอกก็มีเวทีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินหลากหลายแนวที่ต่อคิวสร้างความรื่นรมย์ให้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็น Alyn, Scrubb, Zweed n’ Roll เป็นต้น

ส่วนด้านใน มู้ดแอนด์โทนโดยรวมของ ลิโด้ คอนเน็คท์ ก็เปลี่ยนไปจากสมัยที่ยังใช้ชื่อ ลิโด ภาพวาดขนาดใหญ่และผลงานศิลปะหลากรูปแบบถูกจัดวางอยู่ในหลายมุม ร้านรวงที่คุ้นเคยและไม่คุ้นตาเปิดให้บริการ ภายใต้โทนสีขาวที่มอบความสว่างไสวให้ผู้มาเยือน

ได้เวลาเดินเข้าไปชมความเปลี่ยนแปลงภายใต้ชื่อ ลิโด้ คอนเน็คท์ กันแล้ว ซึ่งทางงานก็มอบประสบการณ์ที่ “เหนือความคาดหมาย” กับการใช้สอยพื้นที่ของโรงภาพยนตร์ทั้ง 3 โรงให้กลายเป็นการแสดงกึ่งละครเวที ผสมผสานการเคลื่อนไหวร่างกายสไตล์ contemporary art ในห้องแรกกับการนำเสนอการใช้ชีวิตของปุถุชนคนธรรมดาในหลากหลายอาชีพ ที่ในบางครั้งความฝันอาจมอดดับลง แต่แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ผลักดันให้พวกเขาสู้ต่อ กับการแสดงสุดตราตรึงที่เข้ามาใกล้ชิดผู้ชมในระยะเพียงไม่กี่เมตร

เดินต่อสู่ห้องถัดไปที่ทุกคนต้องหยิบไฟฉายเพื่อส่องสว่างหนทางอันมืดมิด สังเกตว่าตามรายทางมีใบปลิวที่เขียนว่า Find Yourself (ค้นหาตัวเองให้เจอ) ติดอยู่ตามผนัง ก่อนที่ทุกคนจะมุ่งหน้าเข้าป่า มีสัตว์มาร่ายรำอยู่ไม่ห่างนัก แล้วจู่ๆ ก็มีนักบินอวกาศปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับจอขนาดใหญ่ (ซึ่งนั่นก็คือจอฉายหนังนั่นแหละ) ที่นักบินอวกาศล่องลอยเข้าไปสู่ภายในจอแล้ว เดินไปเรื่อยๆ ก็พบกับนักมวย 2 คนที่มาฟาดหมัดกัน สอดประสานดนตรีระหว่างปี่พาทย์และ EDM ได้อย่างน่าทึ่งและเท่มากๆ ก่อนจะย้อนกลับไปที่จอดังกล่าวอีกครั้ง กับภาพเงาของนักมวยที่ต่อสู้กันเฉกเล่นเกมตลับในตำนาน

หลังจากนั้นมีมนุษย์ชุดเหลืองพาทุกคนเดินไปสู่อีกห้อง เขาค่อยๆ เปิดผ้าคลุมซึ่งบดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ ซึ่งภายในนั้นคือกระจก 4 บานที่สะท้อนกลับมายังผู้เข้าชมทุกคน ชายคนนั้นปลดเปลื้องหมวกและผ้าคลุมศีรษะ และทุกคนก็ได้ทราบพร้อมกันว่า เขาคือ สุวีระ บุญรอด หรือ คิว วง Flure ที่ออกมาเปล่งเสียงโอเปร่า และตอกย้ำว่า “คุณสามารถเป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณเป็นอยู่”

คิว วง Flure

ทุกคนเดินเข้าสู่โรง Lido 1 กับภาพจำอันเคยคุ้น ที่นั่งเรียงรายกับจอหนังขนาดใหญ่ตรงหน้า งานแถลงข่าวที่ไม่มีพิธีรีตอง ใช้วีทีอาร์ในการสื่อสาร ทั้งจากตัวแทนของสำนักจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, จิ๊บ-เทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ไก่-สุธี แสงเสรีชน ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ กับแนวความคิดที่อยากให้ ลิโด้ คอนเน็คท์ กลายเป็นพื้นที่ที่จะนำพาแรงบันดาลใจมาสู่ทุกคน พื้นที่ที่คนหลากหลายกลุ่มสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ทั้ง การแสดง ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม แฟชั่น ฯลฯ โดยมีการปรับเปลี่ยนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นโรง Lido 2 ที่จะกลายเป็นไลฟ์เฮ้าส์สำหรับศิลปินเพลงหน้าใหม่ที่ไม่จำกัดค่าย โรง Lido 3 กลายเป็นพื้นที่การแสดงแบบไร้ขีดจำกัด คงไว้เพียง Lido 1 ที่จะฉายภาพยนตร์เช่นเดิม

ถือได้ว่าชื่นมื่นทั้งเรื่องราวของพื้นที่ ลิโด เดิมที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และการมาถึงของ ลิโด้ คอนเน็คท์ ที่ทำให้เรายิ้มได้อย่างไม่รู้ตัว