ไฟไหม้แท็กซี่ในซอยเปลี่ยว ร่างคนขับเหลือแต่กระดูก ไม่ฟันธงปมลวงฆ่าเผาชิงทรัพย์

ไฟไหม้แท็กซี่ในซอยเปลี่ยว ร่างคนขับเหลือแต่กระดูก ไม่ฟันธงปมลวงฆ่าเผาชิงทรัพย์

ไฟไหม้แท็กซี่ในซอยเปลี่ยว ร่างคนขับเหลือแต่กระดูก ไม่ฟันธงปมลวงฆ่าเผาชิงทรัพย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อช่วงกลางดึก (3 ส.ค.62) พนักงานสอบสวน สน.สายไหม รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ และมีผู้เสียชีวิตภายในซอยเพิ่มสิน 51 จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม ประสานรถบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่อยู่ ข้างวัดอยู่ดีบำรุงธรรม หรือ วัดออเงิน ลึกเข้าไปประมาณ 300 เมตร พบรถแท็กซี่ยี่ เกิดเพลิงลุกไหม้ทั้งคัน เจ้าหน้าที่ใช้น้ำในการดับ โดยใช้เวลา 20 นาที เพลิงจึงสงบ

ตรวจสอบภายในรถพบโครงกระดูกมนุษย์ไม่ทราบเพศ อยู่บริเวณข้างประตูด้านคนขับ จำนวน 1 ศพ และไม่พบเอกสารยืนยันตัวบุคคลแต่อย่างใด ใกล้กันพบหมวกแก๊ปสีดำ มีลายตัวหนังสือบนหมวก i10 มีลักษณะตัว i สีขาวและเลข 10 สีส้ม ตกอยู่ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่าไม่ใช่ของคนในบริเวณจุดเกิดเหตุ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน พยานในจุดเกิดเหตุพบว่า ซอยที่เกิดเหตุเป็นซอยเปลี่ยว ซึ่งสุดซอยเป็นทางตัน มีบ้านคนอยู่เพียงแค่ 2 หลังคือบ้านของตนและเพื่อนบ้านที่ตั้งห่างออกไปประมาณ 10 เมตร ปกติจะไม่มีรถแท็กซี่เข้ามาในซอย เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเป็นป่ารก โดยก่อนหน้านี้ช่วงเวลาเที่ยงคืนยังไม่มีรถมาจอด กระทั่งเวลา 01.00 น. ก็ได้ยินแตรรถดังยาว 1 ครั้ง และเสียงคล้ายเสียงปืน จำนวน 3 ครั้ง ก่อนจะมีเสียงหมาเห่า ขณะนั้นไม่กล้าออกมาดูเนื่องจากเกิดความกลัว กระทั่งผ่านไป 20 นาที ได้กลิ่นเหม็นไหม้จึงออกมาเห็นไฟกำลังลุกไหม้รถ เพื่อนบ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ

ต่อมามีรายงานข่าวว่า จากการตรวจสอบทะเบียนรถคันดังกล่าวเป็นของ สหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพฯ จำกัด โดยมี นายพรมมา อายุ 59 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ติดต่อไปยังญาติของผู้ตาย และได้สอบปากคำ นายจักรพงษ์ อายุ 35 ปี ลูกชาย ให้การว่าพ่อขับรถแท็กซี่มานาน 35 ปี ตลอดเวลาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ก่อนเกิดเหตุพ่อได้ออกจากบ้านพักที่ซอยพหลโยธิน 24 เพื่อมาเช่าแท็กซี่ขับตั้งแต่เวลา 15.00 น. ของวันที่ 2 ส.ค. และจะต้องส่งคืนรถในเวลา 03.00 น. วันที่ 3 ส.ค. แต่ทางตำรวจโทรมาแจ้งว่ารถคันที่พ่อขับถูกเผาและพบโครงกระดูกภายในรถ ซึ่งคาดว่าเป็นพ่อของตน ซึ่งต้องรอให้ตำรวจเก็บรวบพยานหลักฐาน ตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบตัวบุคคล พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อนจะสามารถสรุปสาเหตุในคดีนี้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน และชันสูตรพลิกศพว่าเป็นการถูกลวงมาฆ่าชิงทรัพย์  อุบัติเหตุ ฆ่าตัวตาย หรือไม่อย่างไร ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook