"ผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์" ปราชญ์เกษตรแผ่นดิน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง

ลูกศิษย์ร่วมอาลัย "ผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์" ปราชญ์เกษตรแผ่นดิน ผู้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตตามวิถีแบบพอเพียง เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายในวัย 69 ปี

(4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงการเกษตรไทยได้สูญเสียบุคคลสำคัญอย่าง "ผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์" กรรมการมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติและเป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ทิ้งคุณงามความดีเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ปฏิบัติตามรอย

เพจเฟซบุ๊ก "มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ" ได้โพสต์ภาพ ผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์ กรรมการมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ พร้อมกับแจ้งกำหนดการบำเพ็ญกุศลศพ ระหว่างวันที่ 4-9 สิงหาคม 2562 ณ วัดสองสลึง ต.สองสลึง อ.แกลง จ.ระยอง โดยจะมีการฌาปนกิจศพ ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์ ได้โพสต์ข้อความส่งท้ายและอาลัยถึงการจากไปอย่างบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งได้แนบบทกลอนจากโคลง "กฤษณาสอนน้องคำฉันท์" ที่ระบุว่า "นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา" เพื่อเป็นการระลึกถึงผู้ใหญ่สมศักดิ์

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ระยะสุดท้าย และได้เสียชีวิตลงในวัย 69 ปี

ข้อมูลจากเว็บไซต์ ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์ ได้รับยกย่องให้เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ในปี 2558 และยังได้รับรางวัลและประกาศเกียรติคุณในด้านการเกษตรอีกจำนวนมาก

นายสมศักดิ์ เป็นบุคคลตัวอย่างทางด้านเกษตร ก่อนหน้านี้เขาทำการเกษตรแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ที่พึ่งพาสารเคมีเป็นหลัก และกู้เงินจากธนาคารมาลงทุน แต่ประสบกับภาวะขาดทุนจากสภาพพื้นที่เกษตรกรรมไม่เหมาะสมและมีปัญหาโรคพืชจากการผลิตแบบเดิมๆ อีกทั้งยังมีต้นทุนสูง

ต่อมาจึงพลิกผันมาทำการเกษตรโดยไม่พึ่งพาสารเคมี ใช้เวลาศึกษาเรียนรู้อยู่นาน เพื่อเปลี่ยนมาทำการเกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยไม่พึ่งพาสารเคมีทุกชนิด ทั้งยังได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตและเป็นแบบอย่างให้คนในชุมชน จนได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ เป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน โดยได้ยึดหลักที่ว่า "เมื่อเราเอาตัวรอดได้แล้ว เราต้องช่วยแบ่งปันผู้อื่น การเรียนรู้เรื่องแนวพระราชดำริของในหลวง เรียนอย่างไรก็ไม่จบ เพราะศาสตร์การเรียนรู้ของพระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่ลงมือทำ"