สาวปะทะคารมเดือด! หลังหนุ่มขี่จักรยานยนต์ปาดหน้า-หาว่าไม่เปิดไฟเลี้ยว (คลิป)
สาวเหนือยกเป็นอุทาหรณ์กรณีโพสต์คลิปปะทะคารมคำเมืองดุเดือด หลังกำลังจะขับรถยนต์จอดข้างทางทำธุระโดยเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวแล้ว แต่ถูกผู้ชายขี่จักรยานยนต์ปาดหน้ามาจอด และยังตำหนิใส่อย่างรุนแรง
เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 62 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Moment Jutha ได้โพสต์คลิปวิดีโอจากกล้องหน้ารถยนต์ที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่ขับรถยนต์เตรียมจะจอดหน้าธนาคารแห่งหนึ่ง ริมถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวไว้แล้ว แต่เนื่องจากด้านหน้ามีรถสี่ล้อแดงจอดรับส่งผู้โดยสารขวางอยู่ ทำให้ต้องรอก่อน และเมื่อรถสี่ล้อแดงออกตัวไป จึงจะเคลื่อนรถเข้าไปจอด แต่ปรากฏว่ามีผู้ชายขับรถจักรยานยนต์ปาดหน้ามาจอด และตะโกนด่า จนทำให้เกิดการปะทะคารมกันอย่างดุเดือด ซึ่งทางผู้ชายที่ขี่รถจักรยานยนต์ได้ท้าทายให้ขับรถชนด้วยก่อนที่จะจากไป
ซึ่งโพสต์ดังกล่าวนี้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก โดยตั้งข้อสังเกตว่าทางฝ่ายคนขี่รถจักรยานยนต์น่าจะมีความเป็นสุภาพบุรุษมากกว่านี้ และหยิบยกให้เป็นอุทาหรณ์เตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน นางสาวจุฑาทิพย์ คำแปง อายุ 37 ปี เจ้าของโพสต์เปิดเผยว่า ช่วงสายวันที่ 6 ส.ค. 62 ตนขับรถยนต์ไปส่งน้องที่บริษัทเพื่อติดต่อทำธุรกรรมให้เจ้านายที่ธนาคาร โดยเมื่อไปถึงหน้าธนาคารที่อยู่ติดถนนมีรถสี่ล้อแดงจอดรับส่งผู้โดยสารอยู่ จึงเปิดไฟเลี้ยวจอดชิดซ้ายและรอที่จะเคลื่อนเข้าไปจอดหน้าธนาคาร เพื่อไม่ให้กีดขวางหน้าร้านที่เปิดขายของอยู่ โดยให้น้องที่มาด้วยเข้าไปในธนาคารก่อน ส่วนตัวเองจะตามเข้าไปหลังจากที่จอดรถเสร็จเรียบร้อย
ทั้งนี้เมื่อรถสี่ล้อแดงขับออกไปแล้ว ปรากฏว่ามีรถจักรยานยนต์ของบุรุษไปรษณีย์มาจอดส่งของอีก ตัวเองจึงต้องจอดรอต่อเพราะคิดว่าบุรุษไปรษณีย์น่าจะจอดส่งของเพียงไม่นานเท่านั้น จนกระทั่งบุรุษไปรษณีย์ขับรถออกไป ตัวเองจึงค่อยๆ เคลื่อนรถไปข้างหน้าโดยที่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าผู้ชายที่เป็นคู่กรณีได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ปาดมาจอดหน้ารถ พร้อมกับมีการใช้ถ้อยคำรุนแรงตำหนิตนว่าขับรถไม่ระวังและไม่เปิดไฟเลี้ยว พร้อมเดินทางที่ประตูข้างรถด้วย ตนจึงได้ลดกระจกลงเพื่อพยายามจะอธิบายว่าเปิดไว้อยู่แล้ว แต่คู่กรณีไม่ดูเอง โดยทางคู่กรณียังคงพูดจาตำหนิด้วยอารมณ์ ทำให้ตนโมโหและมีการปะทะคารมกัน
จากนั้นคู่กรณีได้เข้าไปซื้อของในร้านขายวัสดุก่อสร้างที่อยู่ติดกับธนาคาร แต่ยังคงมองมาที่ตนและพูดอะไรบางอย่างอยู่เกือบตลอดเวลา ทำให้ตนยังรู้สึกโมโห และยังคงอยู่ที่รถรอจนกระทั่งคู่กรณีเดินกลับออกมา ซึ่งเมื่อคู่กรณีมาถึงก็เริ่มพูดจาบางอย่างและทำให้เกิดการปะทะคารมกันอีก ก่อนที่คู่กรณีจะเดินกลับไปที่รถจักรยานยนต์และสตาร์ทจะขี่ออกไป แต่ก่อนที่จะไปได้ท้าทายให้ตนขับรถชนด้วย
อย่างไรก็ตามตนยังมีสติและไม่ได้ขับชน แม้ว่าจะรู้สึกโมโห ทั้งนี้การที่นำเรื่องราวและคลิปวิดีโอดังกล่าวไม่มีเจตนาจะให้ร้ายใคร เพียงแต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์เตือนสติ ทั้งกับตัวเองและคนใช้รถใช้ถนนทุกคนว่า การใช้รถใช้ถนนร่วมกันควรมีน้ำใจและต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ให้ดี ขณะเดียวกันการเปิดสัญญาณไฟรถของตัวเองและการสังเกตสัญญาณไฟรถของผู้อื่นเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเช่นกันในการขับขี่รถ