วอดวายไปกับตา ไฟไหม้ศาลาวัดดังแปดริ้ว เพียงไม่นาทีเหลือแค่ตอตะโก
ไฟไหม้ศาลาวัดไผ่ขวาง ฉะเชิงเทรา เพียงไม่กี่นาทีเพลิงลุกลามวอดไหม้หมดทั้งคลั้ง พระครูขาเจ็บถูกนำตัวลงจากกุฏิได้อย่างหวุดหวิด คาดไฟฟ้าลัดวงจร หลวงพี่ได้ยิงเสียงไฟช็อต
(8 ส.ค.) ร.ต.อ.เอนก ศีลมั่น รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญ วัดไผ่ขวาง ม.3 ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีเปลวเพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นศาลาเก่าแก่ที่ปลูกสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบเปลวเพลิงได้โหมลุกไหม้ท่วมตัวอาคารศาลาการเปรียญ ที่ปลูกสร้างด้วยไม้แบบยกพื้นสูง และต่อเติมที่ด้านล่างด้วยอิฐบล็อกเป็นห้องคอนกรีต ได้รับความเสียหายไปเกือบหมดทั้งหลัง โดยจากการสอบถาม พระสมพงษ์ ปันนภาโร อายุ 52 ปี พระลูกวัดเล่าว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 05.55 น. พระสงฆ์ในวัดกำลังสวดมนต์ทำวัตรเช้าใกล้จะเสร็จแล้ว ก่อนได้ยินเสียงกระแสไฟฟ้าลัดวงจรที่แผงควบคุมภายในศาลา จึงได้พยายามช่วยกันนำน้ำ ที่มีอยู่ใกล้เคียงที่สุดไปสาดเพื่อดับไฟ
จากนั้นยังได้ช่วยกันนำถังเคมีดับเพลิงมาฉีดพ่นซ้ำ แต่เพลิงได้โหมไหม้ลุกลามขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ก่อนที่จะลุกลามไหม้ขยายตัวเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วไปจนทั่วทั้งศาลา หลังจากเห็นว่าไม่สามารถที่จะทำการควบคุมเพลิงเอาไว้ได้แล้ว พระลูกวัดจึงต่างพาวันวิ่งไปเรียกให้เจ้าอาวาสวัดออกมาจากกุฏิห้องพัก
รวมทั้งไปเรียกพระครูอีกรูป ซึ่งมีอาการเจ็บป่วยที่ขาเดินไม่ถนัด ให้ออกมาจากกุฏิห้องพักบนศาลา แต่พระครูหนีออกมาจากห้องไม่ทัน เนื่องจากมีเปลวเพลิงลุกลามเข้ามาใกล้ พระลูกวัดจึงได้ช่วยกันนำบันไดไปพาดที่หน้าต่างปีนออกมาทางด้านหลังของศาลาวัดรอดจากกองเพลิงมาได้อย่างเฉียดฉิว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปถึงสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ โดยยังต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบยังในที่เกิดเหตุก่อน แต่เพลิงไหม้ได้เผาทำลายอาคารศาลาไม้เก่าแก่ของทางวัดเสียหายไปทั้งหลัง ในขณะที่รถดับเพลิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียง 9 คันนั้น ไม่สามารถที่จะทำการควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ทัน