ไฟเขียวโครงสร้างใหม่กอ.รมน. ศอ.บต. ขึ้นตรง นายกฯ

ไฟเขียวโครงสร้างใหม่กอ.รมน. ศอ.บต. ขึ้นตรง นายกฯ

ไฟเขียวโครงสร้างใหม่กอ.รมน. ศอ.บต. ขึ้นตรง นายกฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงสร้างใหม่กอ.รมน.ให้ศอ.บต.ขึ้นตรง นายกฯ ตร.พบเบาะแสมือสังหารครูสาวร.ร.บ้านพอแม็ง เป็นหัวหน้าอาร์เคเคอ.รามัน รวบรวมข้อมูล หลักฐาน ออกหมายจับ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม. ) เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน กรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เสนอให้ยกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้ขึ้นตรงกับกองทัพภาค 4 ว่า มีการเสนอแผนผังโครงสร้างของ กอ.รมน.เข้าสู่ที่ประชุม ครม. แต่หลักก็คือ ศอบต.ขึ้นตรงต่อ ผอ.รมน.ก็คือตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแนวคิดที่ครม.เห็นชอบตรงกันและกอ.รมน.ก็ไม่มีปัญหา ส่วนการรับมือกับสถานการณ์ความไม่สงบขณะนี้ได้ปรับกำลังเพื่อดูแลให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีส่งชุดเฉพาะกิจลงไปในพื้นที่แล้วแต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าขณะนี้ผลกระทบจากเหตุการณ์ช่วงสัปดาห์ก่อนที่มีลักษณะรุนแรงพอสมควร แต่เจ้าหน้าที่ได้เดินหน้าทำงานต่อ โดยในสัปดาห์ที่แล้วก็มีการตรวจค้นและจับกุมอย่างได้ผล ขณะเดียวกันก็เร่งสะสางคดี ซึ่งกำชับผ่านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายกราดยิงประชาชนบาดเจ็บ8คนขณะออกกำลังกาย ที่วัดไพโรจน์ประชาราม อ.รือเซาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นอีก การแก้ปัญหาต้องทำไปเรื่อยๆยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เช่น การปิดล้อมตรวจค้น

เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ครม.อนุมัติการจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน และอำนาจหน้าที่ของส่วนงาน และอัตรากำลัง ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่ กอ.รมน.เสนอ ตามพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 โดยมีหลักการสำคัญ ให้ศอ.บต.ขึ้นตรงกับ ผอ.รมน. คือ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้การทำงานกระชับมากขึ้น ส่วนเรื่องความปลอดภัยของพระสงฆ์ที่มีการร้องเรียนมา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการดูแลความปลอดภัยต่างๆรวมถึงการเยียวยาแล้ว

รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.แจ้งว่า กรณีครม.มีมติให้ศอ.บต.ขึ้นตรงต่อผอ.รมน. คือนายกฯ นั้น มาจากการยอมเปลี่ยนข้อเสนอเดิมที่เสนอโดยกอ.รมน. ซึ่งได้เสนอจัดโครงสร้างบังคับบัญชาศอ.บต. ให้อยู่ภายใต้การบัญชาของผอ.รมน.ภาค 4 แต่ข้อเสนอดังกล่าว ถูกคัดค้านก่อนการประชุมครม.โดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทยนำประเด็นหารือกับนายอภิสิทธิ์ โดยยกเหตุผล ว่า ศอ.บต.เป็นหน่วยงานพลเรือน ที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 207/2549 ถือเป็นหน่วยงานเฉพาะแก้ปัญหาภาคใต้ มีภารกินด้านการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคม การปฏิบัติการทางจิตวิทยา การสร้างและเข้าถึงมวลชนในพื้นที่

"ดังนั้น หากให้ขึ้นตรงสายบังคับบัญชาต่อกอ.รมน.ภาค 4 จึงไม่เหมาะสม และจะไม่สอดคล้องกับมติครม. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเห็นชอบให้ศอ.บต. เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อผอ.รมน. คือ นายกรัฐมนรี จึงควรคงตามมติครม.ดังกล่าวไว้ เพื่อให้สถาะการบังคับบัญชาของศอ.บต. อยู่ในระดับเดียวกันกับกอ.รมน. ซึ่งนายอภิสิทธิ์เห็นด้วย และให้นายปณิธาน ประสานไปยังฝ่ายนโยบายและแผนของกอ.รมน. เพื่อทำความเข้าใจและปรับแก้ก่อนพิจารณาในวาระ "รายงานข่าวระบุ

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวาระพิจารณา กอ.รมน.มอบหมายให้นายทหารยศพันเอกคนหนึ่ง มานำเสนอการจัดโครงสร้างดังกล่าว พร้อมปฏิเสธว่า กอ.รมน.ไม่ได้วางสายบังคับบัญชาให้กอ.รมน.ภาค 4 บังคับบัญชา ศอ.บต. แต่จะจัดแผนงานตามมติครม.เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 คือทั้งกอ.รมน.และศอ.บต. มีสถานะการบังคับบัญชาระดับเดียวกัน สำหรับการจัดโครงสร้างกอ.รมน.ตามพ.ร.บ.ความมั่นคง มีการแบ่งส่วนงานกอ.รมน.ออกเป็น 12 ส่วน ได้แก่ 1.กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร 2.กลุ่มตรวจสอบภายใน 3.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง 4.สำนักการข่าว 5.สำนักกิจการมวลชนและสารนิเทศ 6.สำนักบริหารงานบุคคล 7.สำนักบริหารงานทั่วไป 8.สำนักงบประมาณและการเงิน 9.ศูนย์ติดตามสถานการณ์ 10.ศูนย์ประสานการปฏิบัติ 11.กอ.รมน.ภาค และ12.กอ.รมน.จังหวัด โดยกำหนดอัตรากำลังของกอ.รมน.จำนวนทั้งสิ้น 977 อัตรา โดยให้คงลักษณะเป็นส่วนราชการรูปแบบเฉพาะไม่ใช่ฐานะแบบส่วนราชการระดับกรม และขึ้นตรงต่อผอ.รมน. คือ นายกรัฐมนตรี

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.รับทราบและการช่วยเหลือตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)เสนอดังนี้ กรณีพระสงฆ์วัดวาลุการามถูกยิงมรณภาพ 1 รูป บาดเจ็บ 1 รูป ขณะออกบิณฑบาต ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ส่งผลให้ภิกษุสามเณรไม่สามารถออกบิณฑบาตได้นั้น มหาเถรสมาคมได้จัดเครื่องอุปโภคบริโภคถวายเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ในพื้นที่ รวมทั้งถวายเงินแก่เจ้าอาวาสวัดวาลุการามเป็นค่าใช้จ่ายในการบำเพ็ญกุศลพระสงฆ์ที่เสียชีวิต เป็นเงิน 1 แสนบาท และถวายเป็นค่ารักษาพยาบาลพระที่บาดเจ็บ 50,000 บาท

"นอกจากนี้จัดสรรเงินเพื่อถวายเป็นค่าภัตตาหารแก่ภิกษุสามเณรในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันละ 100 บาท ต่อรูป เป็นเวลา 20 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น แบ่งเป็น จ.ปัตตานี 411 รูป ยะลา 232 รูป และนราธิวาส 293 รูป รวมทั้งสิ้น 936 รูป เป็นเงิน 1,872,000 บาท"

เวลา 11.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.ไพฑูรย์ บัตรสูงเนิน ผบ.ร้อย นปพ.ภ.จว.นราธิวาสที่ 1 นำกำลัง 50 นาย ปิดล้อมตรวจค้น บ้านทำนบ หมู่ 1 ต.เฉลิม และบ้านซีโป หมู่ 3 ต.เฉลิม เป็นเขตรอยต่อระหว่าง อ.ระแงะ กับอ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ที่สงสัยว่ามีคนร้ายในคดีใช้อาวุธปืนยิงใส่วัดไพโรจน์ประชาราม จนมีประชาชน เจ็บ 8 คน จะหลบซ่อนตัวอยู่ ผลตรวจค้นไม่พบคนร้าย แต่คุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดไว้ได้ 3 คน มี นายมะรูฟ แต่ม๋อง อายุ 21 ปี นายอุสมาน สือมาแอ อายุ 37 ปี และนายรอยาลี เปาะมะ อายุ 28 ปี ชาวอ.ระแงะ

พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.รือเสาะ กล่าวว่าส่งปลอกกระสุนปืนเอ็ม-16 ที่ตกอยู่ในวัดไพโรจน์ประชาราม จำนวน 17 ปลอก ไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเทียบเคียงว่าปืนกระบอกนี้เคยใช้ก่อเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ใดบ้าง ส่วนผู้บาดเจ็บยังนอนรักษาบาดแผลอยู่ในโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ มี 4 คน อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายยิง น.ส.เลขา อิสสระ อายุ 55 ปี ครูโรงเรียนบ้านพอแม็ง อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิต ล่าสุดชุดสืบสวนสอบสวน สภ.รามัน พบเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ เชื่อว่าเป็นฝีมือนายซัมซูรี ปาหน๊ะ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มอาร์เคเค ในพื้นที่ อ.รามัน มีหมายจับตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สำหรับระดับสั่งการสงสัยนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรืออุสตาสรอฮิง อาซ่อง แกนนำใหญ่กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.รามัน ตำรวจกำลังรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook