เมียร้อง "อัจฉริยะ" เชื่อสามีตกเป็นแพะรับบาป คดีตัดไม้พะยูง

เมียร้อง "อัจฉริยะ" เชื่อสามีตกเป็นแพะรับบาป คดีตัดไม้พะยูง

เมียร้อง "อัจฉริยะ" เชื่อสามีตกเป็นแพะรับบาป คดีตัดไม้พะยูง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"อัจฉริยะ" พาภรรยาผู้เสียหายร้องตำรวจ ปทส. หลังสามีถูกจับเป็นแพะรับบาป ในพัวพันคดีลักลอบตัดไม้พะยูง

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมพา นางใบพร ภรรยาของ นายสมควร เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสามีตกเป็นผู้ต้องหา และถูกจับกุมเป็นแพะ ในคดีลักลอบตัดและครอบครองไม้พะยูง ในพื้นที่ สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยถูกคุมขังในเรือนจำตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด

นางใบพร กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่กระทำความผิดตัวจริง คือ นายตุ้ย เป็นบุคคลสัญชาติลาว ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของสามี และเคยมาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน เมื่อช่วงประมาณปี 2542-2543 โดยทราบว่า นายตุ้ย ไม่ได้มีบัตรประชาชน ภายหลังจึงทราบว่านายตุ้ยได้แอบอ้างใช้ชื่อของสามีในการกระทำความผิด

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2561 นายตุ้ย เคยถูกจับกุมคดีลักลอบตัดไม้พะยูงมาแล้ว โดยครั้งนั้น นายตุ้ย ก็ได้อ้างชื่อเป็น นายสมควร และให้ผู้ใหญ่บ้าน ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี เป็นคนรับรองว่า นายตุ้ย คือ นายสมควร พนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน จึงส่งฟ้องผู้ต้องหาในชื่อนายสมควร โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ ว่าตรงกันหรือไม่

จนกระทั่งถูกศาลจังหวัดกบินทร์บุรี พิพากษาจำคุก 2 ปี 18 เดือน โดยให้รอลงอาญา 2 ปี ระหว่างนั้น นายตุ้ย ก็ได้ไปลักลอบตัดไม้พะยูงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ นายตุ้ย สามารถหลบหนีไปได้ และเมื่อตำรวจสภ.นาดี ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ของขบวนการตัดไม้ ก็พบว่ามีชื่อของ นายสมควร เกี่ยวข้อง และพบว่ามีประวัติ เคยถูกจับกุมในคดีแรก จึงขอศาลอนุมัติหมายจับ นายสมควร

ก่อนจะตามไปจับกุมนายสมควรได้ โดยไม่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์เช่นเดิม ทั้งที่ นายสมควร มีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าในวันเกิดเกตุ คือวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 นายสมควรกำลังทำงานอยู่ที่ ศูนย์การแพทย์ รพ.ศิริราช มีบันทึกการสแกนลายนิ้วมือ เข้า-ออกงาน และพยานที่เป็นผู้ร่วมงาน ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุใน จ.ปราจีนบุรี

เบื้องต้นจึงมองว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ สภ.วังตะเคียน และ สภ.นาดี บกพร่องต่อหน้าที่ จากการไม่ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ โดยจากนี้ จะมีการร้องให้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนทั้ง 2 ชุด

ล่าสุดทราบว่า นายตุ้ย ได้รับสารภาพแล้วว่าได้นำสำเนาบัตรประชาชนของ นายสมควร ไปแอบอ้างและใช้ในการเปิดซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ โดยที่นายสมควรไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและได้มีการแจ้งข้อหานายตุ้ย ฐานแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น, ละเมิดอำนาจศาล และ พรบ.ป่าไม้ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการยื่นพยานหลักฐานทั้งหมดให้ ตำรวจสภ.นาดี นำไปยื่นต่อพนักงานอัยการให้ยื่นต่อศาลเพื่อขอปล่อยตัวนายสมควรตามขั้นตอนแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook