"ท่านคิม ไทยแลนด์" บุกโรงพักทวงถามคดี "เซียนพระ" ชักปืนพยายามฆ่า
หนุ่มฉายา "หนุ่มคิม ไทยแลนด์" บุกโรงพัก ทวงถามหาความคืบหน้า ถูกเซียนพระชื่อดังชักปืนข่มขู่และพยายามฆ่า หลังผ่านไปปีกว่าคดียังไม่คืบ
(9 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุเทน หรือฉายา ท่านคิม ไทยแลนด์ อายุ 42 ปี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมและติดตามความคืบหน้าของคดีทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า โดยมีคู่กรณีคือ นายวีระวัฒน์ หรือ Boom เมืองชลบุรี เซียนพระชื่อดัง โดยที่ผู้เสียหายและคู่กรณีเป็นหุ้นส่วนร้านจำหน่ายพระและเคยมีปัญหากันในเรื่องผลประโยชน์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562
นายอุเทน หรือ ท่านคิม ไทยแลนด์ ระบุว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาสอบปากคำเพิ่มเติมและติดตามความคืบหน้าคดีว่าคดีดำเนินการไปถึงไหนแล้ว คดีนี้เป็นเรื่องของการมีปัญหาทางด้านธุรกิจกัน หลังมีการตกลงกันและเกิดทะเลาะวิวาทกัน คู่กรณีมีการพกพาอาวุธมาซึ่งทางเราได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่า
โดยคู่กรณีชักปืนออกมาแล้วมีการหันมาทางตนจากนั้นเขาได้เข้ามาประชิดตัว ตนมีสติจึงได้ล็อคมือเขามีการยื้อกัน ซึ่งในขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมาพอดีได้เข้ามาระงับเหตุและยึดอาวุธปืนไป ปัญหาที่มีปากเสียงกันเป็นเรื่องธุรกิจพระเครื่องรวมมูลค่าหลายสิบล้านบาท สำหรับตนเป็นหุ้นส่วนมา 3 ปี และได้ขอมาเคลียบัญชี แต่ทางคู่กรณีก็บ่ายเบี่ยงและแจ้งว่ามีการจดบันทึกไว้หมด
กระทั่งผ่านมา 2 ปีกว่า ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเรื่องผลประโยชน์ ตนจึงได้มาติดตามแต่ได้รับคำตอบว่าพระที่ได้มาไม่ได้ขายเลย ส่วนรายได้ที่ได้มานำมาจ่ายค่าร้านและค่าอื่นๆ ทั้งหมด ในวงการพรทุกคนรู้กันหมดว่าใครขายพระอะไร รายได้เท่าไหร่ สามารถตรวจสอบได้
ตนได้ร่วมลงทุนทั้งเงินสดและพระเครื่องตนได้ยื่นขอเสนอขอแค่เงินที่ลงทุนไปคืน แต่เขาได้มีการตกลงกับหุ่นส่วนคนอื่นมีการคืนเงินให้เขาไปแต่ของตนไม่ได้รับเงินคืน ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีตามความจริงและดำเนินคดีไป จะเข้าข้อหาพยายามฆ่าหรือไม่ตนไม่ติดใจ ต้องการให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
พ.ต.อ.กิติศักดิ์ เที่ยงกมล ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า จากการสอบสวนทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเพื่อนกันความขัดแย้งเกิดจากการทำธุรกิจในวันที่เกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับแจ้งมีผู้พกพาอาวุธปืนในห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบและจับกุมได้เอาตัวมาสอบสวนทราบว่าขัดแย้งกันเรื่องพระเครื่องผู้เสียหายได้เข้าไปทวงเรื่องผลประโยชน์กัน ทางคู่กรณีเกรงว่าจะเกิดอันตรายจึงได้ใช้อาวุธปืนมาป้องกันตัว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมเพื่อดำเนินคดีต่อไป