ผู้ใหญ่บ้านขอเคลียร์ ปมลูกชายกระโดดถีบป้า ปัญหาเกิดจากเรื่องนิดเดียว

ผู้ใหญ่บ้านออกโรงชี้แจง หลังภาพลูกชายกระโดดถีบหญิงวัยกลางคน ยืนยันปัญหาเกิดจากเรื่องเล็กนิดเดียว แต่อีกฝ่ายถาโถมด่าใส่ไม่หยุด ล่าสุดแจ้งความกลับ "หมิ่นประมาท" เช่นกัน

จากกรณีคลิปอื้อฉาวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่ปรากฏเห็นภาพลูกชายผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งใน ต.ขุนทะเล ได้ก่อเหตุกระโดดถีบและทำร้ายร่างกายหญิงสูงวัยกลางร้านขายของชำ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างมีปมความขัดแย้งสะสมกันมาตั้งแต่อดีต เมื่อบังเอิญมาเผชิญหน้ากันจึงเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ตามข่าวที่รายงานไปแล้วนั้น

นายจำนงค์ เพลินแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พ่อของชายหนุ่มผู้ก่อเหตุในคลิปที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวนั้น ได้ออกมาชี้แจงในมุมมองฝ่ายของตัวเอง พร้อมกับนำหลักฐานเป็นการข้อความสนทนาผ่านทางแชทกลุ่มของหมู่บ้าน ที่ปรากฏให้เห็นว่าอีกฝ่ายได้พูดจาด่าทออย่างหยายคายใส่ก่อน เป็นเหตุทำให้เป็นเรื่องราวบานปลาย ลูกชายทำลงไปเพราะต้องการปกป้องผู้เป็นพ่อ

นายจำนงค์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ปัญหาไฟฟ้าดับในหมู่บ้าน เนื่องจากมีกิ่งไผ่ไปโดนกับสายไฟ ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและฟิวส์ขาด จึงได้ทำการแจ้งลูกบ้านไป ซึ่งก็คือ นางสุณิษา แต่เชื่อว่าน่าจะไม่เข้าถึงสาเหตุจริงๆ ถึงได้พิมพ์ข้อความด่ากลับมาอย่างหยาบคายในแชทกลุ่มประจำหมู่บ้าน พร้อมกับท้าทายให้ตามไปได้ที่บ้าน

>> ปมแค้นสะสม ลูกชายผู้ใหญ่บ้านกระโดดถีบทำร้ายป้า เชื่ออิทธิพลพ่อคุ้มครอง

หลังจากนั้น ตนจึงได้เดินทางไปที่บ้านของนางสุณิษา แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงก็ถูกอีกฝ่ายยืนด่าทอต่อว่าสารพัด เมื่อเห็นว่าคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ตนจึงตัดสินใจกลับบ้านตัวเอง กระทั่งมาทราบเรื่องราวว่า นางสุณิษ ได้เข้าแจ้งความกับตน ฐานบุกรุกและข่มขู่ ทำให้ตนแจ้งความกลับอีกฝ่ายในข้อหาหมิ่นประมาท

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ลูกสาวของนางสุณิษาได้ไปโพสต์ข้อความตัดพ้อใส่ความตนลงเฟซบุ๊กอีก เมื่อลูกชายของตนเข้าไปเห็น จึงได้เกิดโต้เถียงกันในโลกโซเชียลฯ นายจำนงค์ ระบุว่า ลูกชายที่ก่อเหตุเรียนอยู่ที่ จ.นครราชสีมา แต่เพิ่งกลับมาร่วมงานศพญาติที่บ้าน เมื่อแวะไปเติมน้ำมันที่ร้านขายของชำ แต่ปรากฏว่า นายสุณิษา ได้เลี้ยวรถแวะเข้ามาหา และเปิดฉากต่อว่าด่าทอกลางร้าน จึงกลายเป็นการโต้เถียงทะเลาะวิวาทกัน

เป็นเหตุทำให้ลูกชายเกิดบันดาลโทสะ ที่อีกฝ่ายมายืนกล่าวหาพ่อและด่าครอบครัวอย่างเสียๆ หายๆ แบบเลื่อนลอย จึงกลายเป็นภาพกระโดดถีบทำร้ายร่างกายตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเอาไว้ได้ หลังจากนั้นตนจึงพาลูกชายไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ และให้ปากคำเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือมีคนในเครื่องแบบช่วยเหลือตามที่ถูกอีกฝ่ายกล่าวหา

ทั้งนี้ นางจำนงค์ ยังฝากอีกว่า กรณีนี้อยากให้สังคมพิจารณาและอย่าด่วนตัดสินใจเพียงแต่ฟังความฝ่ายเดียว ขณะนี้ตนกับลูกชายกลายเป็นจำเลยของสังคมไปโดยปริยาย เพียงเพราะคำกล่าวหาของคนบางคน ตนเชื่อว่าประเด็นนี้จะจบลงได้ และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า สำหรับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายนั้น น่าจะเป็นครอบครัวที่มีปัญหาบาดหมางกันมาตั้งแต่ในอดีต โดยทั้งสองฝ่ายมีบ้านอยู่อาศัยห่างกันเพียง 50 เมตรเท่านั้น