"เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน" เศรษฐีพันล้านเสียชีวิตคาห้องขัง หลังต่อสู้คดีล่วงละเมิดเด็ก
เศรษฐีพันล้านชาวอเมริกัน "เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน" ถูกพบร่างเสียชีวิตอยู่ในเรือนจำที่นิวยอร์ก ขณะกำลังต่อสู้คดีล่วงละเมิดทางเพศเด็ก โดยเชื่อว่าเป็นการก่อเหตุฆ่าตัวตาย เพื่อหลบหนีความผิด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน (Jeffrey Epstein) มหาเศรษฐีพันล้านชาวอเมริกัน ถูกพบร่างหมดสติอยู่ภายในห้องขังที่เรือนจำ ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากที่เขาตกเป็นผู้ต้องหาคดีอื้อฉาวเกี่ยวกับค้าประเวณีและล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี
ตามรายงานระบุว่า เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน วัย 66 ปี เป็นนักโทษที่จองจำภายในเรือนจำเมโทรโพลิแตน คอร์เร็กชันแนล เซ็นเตอร์ (Metropolitan Correctional Center) มหานครนิวยอร์ก โดยเมื่อช่วงมืดวันเสาร์ (10 ส.ค.) เจ้าหน้าที่พบร่างไร้สติของเขาอยู่ภายในห้องขัง ก่อนจะรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ต่อมาแพทย์ได้ยืนยันว่าเขาเสียชีวิตลงแล้ว
ทั้งนี้มีการสันนิษฐานว่า มหาเศรษฐีอื้อฉาวผู้นี้ได้ก่อเหตุฆ่าตัวตายเพื่อหลบหนีความผิดในคดีที่ยังคงเป็นประเด็นกล่าวถึงในสังคม หลังจากที่เมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ก่อน มีรายงานว่าเขาพยายามจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากพบสภาพเขาเกือบจะหมดสติอยู่ภายในห้องขัง พร้อมกับร่องรอยบาดเจ็บและฟกช้ำที่ลำคอ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าจับตาดูเขาเป็นพิเศษ
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นกับ เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน อดีตผู้จัดการกองทุนเฮ็ดจ์ฟันด์ เริ่มต้นจากเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา เขาถูกจับกุมตัวฐานล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 14 ปี โดยมีเหยื่อหลายสิบคน จากพฤติกรรมที่เขาเคยก่อเอาไว้เมื่อช่วงปี 2002 ถึง 2005 โดยเขาต้องเผชิญหน้ากับโทษจำคุก 45 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง
ศาลไม่อนุมัติให้เขาได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี หลังจากที่มีข่าวอ้างว่าเขาได้ยื่นข้อเสนอให้กับผู้พิพากษาศาลแขวงรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และพบว่าวงเงินค่าประกันตัวของเขาสูงลิ่วถึง 100 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากเห็นสมควรว่า มหาเศรษฐีผู้นี้ควรถูกจองจำอยู่ต่อไป เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม อีกทั้งเขาอาจจะใช้อิทธิพลและความร่ำรวยในหลบหนีคดีนี้ไปได้
เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน ถือเป็นมหาเศรษฐีที่ทรงอิทธิพลของโลกอีกรายหนึ่ง เขาครอบครองทรัพย์สินมากกว่าพันล้านดอลลาร์ มีทั้งคฤหาสน์หรูหลายหลัง เครื่องบินส่วนตัว และยังเป็นเจ้าของเกาะกลางทะเลอีก 2 แห่ง และยังเป็นเพื่อนกับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์, อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน รวมถึง เจ้าชายแอนดรูว์ พระโอรสของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง แห่งราชวงศ์อังกฤษ อีกด้วย