เปิดแผน ตากสิน2 แฉเสนอเปลี่ยนวันชาติ!!!

เปิดแผน ตากสิน2 แฉเสนอเปลี่ยนวันชาติ!!!

เปิดแผน ตากสิน2 แฉเสนอเปลี่ยนวันชาติ!!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"หน่วยข่าวกรอง" เปิดแผน "ตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันทร์" 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธี ก่อสงครามประประชาชน จัดชุดไล่ล่า "อภิสิทธิ์ - องคมนตรี - แกนนำพธม." วางแผนชุมนุมใหญ่ 27 มิ.ย.ปิดล้อม "ทำเนียบ"อีกรอบ ประกาศศักดา "นปช." แฉเหตุเสนอเปลี่ยนวันชาติ นักวิชาการเชียงใหม่ตบเท้าเทียบเคียง 24 มิ.ย.กับปัจจุบัน

(24มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า หน่วยข่าวกรองได้รายงานต่อฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาล เกี่ยวกับ "แผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันทร์" ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหา 5 หน้า ยกระดับการต่อสู้ที่เข้มข้นและรุนแรงกว่าแผนตากสิน 1 เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในเคลื่อนไหวของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งแผนดังกล่าวแพร่หลายอยู่ในระดับแกนนำ และแนวร่วมตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ

สำหรับแผนตากสิน 2 กำหนดไว้ 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธี โดยมีเป้าหมายล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 ผลักดันให้มีการใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นพ. เหวง โตจิราการ แก้ไขกฎหมายทุกฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการกลับประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้กลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง ทั้งนี้ในแผนตากสิน 2 มีการยกระดับใช้ยุทธวิธีที่รุนแรงมากขึ้นด้วยการเปิด 7 แนวรบล้มรัฐบาล หรือทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับศึกทุกด้านจนอยู่ในสภาพบริหารได้แต่ปกครองไม่ได้

"ตอนนี้กลุ่มคนเสื้อแดงก็เริ่มดำเนินตามยุทธวิธีเหล่านี้ ตั้งแต่การสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ โดยทำสงครามกับกระบวนการยุติธรรมเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ นำไปสู่ข้อกล่าวหาสองมาตรฐาน ซึ่งตามแผนของคนกลุ่มนี้ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตุลาการใหม่ โดยจัดองค์กรให้สถาบันตุลาการศาลยุติธรรมกลับมาสังกัดกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง เพื่อให้อยู่ภายใต้การครอบงำของฝ่ายการเมือง ขณะเดียวกันก็จะผลักดันให้เปลี่ยนแปลงวันชาติจมาเป็นวันที่ 24 มิ.ย. เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย" แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง กล่าว

แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนดังกล่าวในเรื่องการใช้สื่อสารมวลชนเป็นเครื่องมือว่า นอกจากจะใช้สื่อเทียมทั้งโทรทัศน์ดาวเทียม และการออกหนังสือพิมพ์เฉพาะกาลอย่าง "เรดนิวส์" แล้วยังจะใช้สื่อสารมวลชนต่างประเทศกดดันประเทศไทย ผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์โดยมีเป้าหมายให้พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ เพ็ญแข สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมไปถึงการสร้างข่าวลือเพื่อขยายผลทางจิตวิทยา เช่น ข่าวด้านลบของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ในเรื่องทุจริตคอรัปชั่นและเรื่องชู้สาว สร้างข่าวความขัดแย้งและความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งจะมีการแทรกแซงหน่วยงานข่าวของรัฐ โดยใช้เครือข่ายบุคลากรสายข่าวในยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฝังตัวอยู่ทั้งในสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล ไปจนถึงศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ ศรภ. ด้วยการสร้างข่าวลือ ปล่อยข่าวลวง เพื่อสร้างความสับสนให้กับรัฐบาลจนกำหนดแผนงานและยุทธวิธีที่ผิดพลาดด้วย

"ที่เลวร้ายที่สุดคือยุทธวิธีที่ 5 ในการสร้างสงครามทางการเมือง ที่จะใช้ทั้งเวทีในสภาและนอกสภา ซึ่งมีการระบุว่าสามารถยึดกุมความคิดของกลุ่มส.ว.เลือกตั้งและส.ว.สรรหาบางคนได้แล้ว ให้คนเหล่านี้ร่วมกับพรรคเพื่อไทยโจมตีรัฐบาลในสภา จนทำให้ประชาชนสิ้นหวังนำไปสู่การยุบสภา นอกจากนี้ยังใช้เครือข่ายความสัมพันธ์และเงินทุน สนับสนุนการก่อความรุนแรงในชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างแรงกดดันรอบด้านในรัฐบาล โดยเริ่มมีการเข้าไปดำเนินการเรื่องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ซึ่งตามแผนตากสิน 2 อ้างว่ามีการใช้ศูนย์บัญชาการเสริมอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวสร้างความขัดแย้งบริเวณชายแดน ขยายข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อเป็นตัวเร่งให้เกิดการปะทะกันทางทหาร รวมทั้งใช้สถานการณ์ปราบปรามชนกลุ่มน้อยของพม่า กดดันสร้างความวุ่นวายบริเวณชายแดนด้านตะวันตกของไทย และยังมีการกำหนดแผนเคลื่อนไหวกดดันประเทศไทยบริเวณชายแดนภาคเหนือของไทยตามแนวเขตพรมแดนประเทศจีนด้วย" แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับยุทธวิธีสุดท้ายในการพิชิตศึกตามแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันทร์ ได้มีการสรุปบทเรียนความพ่ายแพ้ ในกรณีเหตุการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ด้วยการแปรความคับแค้นเป็นพลังในการจัดตั้งมวลชนตามหัวเมืองต่าง ๆ จัดกิจกรรมชุมนุมโดยให้ พ.ต.ท. ทักษิณ โฟนอินเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และจัดตั้งกลุ่มรักษาความปลอดภัย ฝึกฝนอาวุธร่วมกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในเขตพื้นที่อีสาน 4 จังหวัด ประกอบด้วย อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา จ.อุดรธานี จ.กาฬสินธุ์ และจ.นครพนม ซึ่งจะมีการประสานงานกับสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟฟ้า กรมอุทยานฯ เพื่อเป็นกองกำลังติดอาวุธเข้าร่วมในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุมใหม่ในลักษณะที่ไม่ยืดเยื้อถ้าไ ม่จำเป็น แต่จะมีการขยายการชุมนุมจากท้องสนามหลวงไปจนถึงการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงศักยภาพของคนเสื้อแดงอีกครั้ง

"การเคลื่อนไหวนับจากวันที่ 27 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงจะเป็นการปลุกระดมให้มวลชน พร้อมกับการเผชิญอำนาจรัฐ ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบผ่านกองกำลังจัดตั้งและฝึกฝนมาแล้ว เช่น อดีตสหายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่า การ์ดอาสาและกลุ่มนักศึกษารามคำแหง ซึ่งคนกลุ่มนี้มีการจัดตั้งหน่วยจรยุทธ หรือ ทีมไล่ล่าบุคคลสำคัญและเป็นปฏิปักษ์ต่อคนเสื้อแดง ตั้งแต่บุคคลระดับสูง องคมนตรี บุคคลในฝ่ายรัฐบาลมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นเป้าหมายแรก ตามมาด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นต้น นอกจากนี้แกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คนกับนายสุริยะใส กตะศิลาและแนววร่วม เช่น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายปราโมทย์ นาครทรรพ และนายปีย์ มาลากุล ก็เป็นเป้าหมายที่จะถูกลอบทำร้ายโดยกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ด้วย" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในหน้าสุดท้ายของแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าว ตีเมืองจันทร์ ยังมีการกำหนดคำขวัญของการต่อสู้ไว้ว่า "ผนึกกำลังสู้ครั้งสุดท้าย เพื่อนายใหญ่" โดยระบุกกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนงบประมาณการต่อสู้ครั้งนี้ว่า ประกอบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในตระกูลชินวัตร และกลุ่มทุนอื่น

สำหรับแผนตากสิน 2 ทุบหม้อข้าวตีเมืองจันทร์นี้ ทางฝ่ายความมั่นคงได้รายงานสรุปและส่งเนื้อหาทั้งหมดให้นายสุเทพ พิจารณาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีการประชุม เพื่อกำหนดแนวทางรับมือการชุมนุมของนปช.แล้วหลายครั้ง โดยมีการกำชับว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร จะเกียร์ว่างไม่ได้ ต้องทำหน้าที่ของตัวเองโดยเคร่งครัด ใช้บทเรียนจากปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนมาปรับปรุงการทำงาน จะปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายในสายตาต่างชาติ

"เสื้อแดง"ประกาศชุมนุมใหญ่27มิ.ย.-"แม้ว" วิดิโอลิงก์"

เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากอิมพิเรียลลาดพร้าว ว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและ น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ร่วมกันแถลงถึงความเคลื่อนไหวในการชุมนุมใหญ่วันที่ 27 มิ.ย. นี้ที่สนามหลวงในเวลา 16.00น.

ทั้งนี้ นายวีระ กล่าวว่า ในวันดังกล่าวนอกจากเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อประกาศจุดยืนของ นปช. เพื่อต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตยและทวงคืน ประชาธิปไตยอีกครั้งนั้น ก็จะมีการเปิดตัวหนังสือพิมพ์มหาประชาชนฉบับความจริงวันนี้ ราย 3 วัน ราคา 20 บาท เป็นครั้งแรก ก่อนจะมีการวางแผนอย่างเป็นทางการต่อไป

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับการชุมนุมในวันที่ 27 มิ.ย. นี้ จะเป็นการประกาศแนวคิดจุดยืนสืบเจตนาคณะราษฎร์ และโค่นรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย ทวงคืนประชาธิปไตย และยุบสภา เนื่องจากที่ผ่านมาหลังการชุมใหญ่เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ประชาชนเสื้อแดงเรียกร้องให้มีการชุมใหญ่อีกครั้งหลังจากรัฐบาลนี้บริหารประเทศมานานพอสมควรและเห็นว่ารัฐบาลนี้ไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการชุมนุมจะเริ่มเวลา 16.00 ของวันที่ 27 มิ.ย.-06.00น.ของวันที่ 28 มิ.ย. เป็นเวลา 1 คืน โดยจะไม่มีการเคลื่อนการชุมนุมดาวกระจายไปที่ไหนและเป็นการชุมโดยสงบ ซึ่งเนื้อหาจะย้อนไปถึงการปกครองตั้งแต่ปี 2475 เพื่อสืบทอดเจตนาของคณะราษฎร์ และการมีการเปิดเผยข้อมูลสลายการชุมนุมของรัฐบาลที่ผ่านมา

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เราได้รับทราบข้อมูลที่ไปพบว่า ตำราเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นม. 6 ซึ่งมีอาจารย์ 5 คนเขียนตำรา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯและเสื้อแดง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีเนื้อหาที่ทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อแดงอย่างมาก ขณะที่พันธมิตรกลับเป็นไปในเชิงบวกเช่น ระบุว่า 11 เมษา 52 นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ได้นำประชาชนไป ร.ร.รอยัลคลิฟบีช พัทยา เพื่อขัดขวางสุดยอดผู้นำอาเซียน ทั้งๆที่ความจริง มีเจ้าหน้าที่ทุบกระจุก และไม่มีการพูดถึงกลุ่มเสื้อน้ำเงิน นอกจากนี้ ตำราเรียนยังระบุว่าผู้ชุมนุมปาระเบิดเพลิง เผารถเมล์ ก่อจลาจล และระบุว่าทหารใช้เพียงกระสุนกระดาษ ทั้งที่ข้อมูลทั้งหมดนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการที่สภาตั้งขึ้นมา ที่มีนายสมศักดิ์ บุญทองเป็นประธาน

"ดังนั้นคณะอาจารย์โรงเรียนเตรียมอุดมจึงไม่ควรสรุปและออกมาเขียนเป็นตำราเพราะจะทำให้เยาวชนรุ่นใหม่รับทราบข้อมูลที่บิดเบือนไป และขอเรียกร้องให้อาจารย์ทบทวนการบรรจุเนื้อหาในหนังสือเรียนดังกล่าว ซึ่งหากอาจารย์ไม่มีปฏิกิริยาออกมา ก็อาจจะมีการฉีกบางหน้าของตำราที่มีการบิดเบือนกลุ่มเสื้อแดงบนเวทีในที่ 27 มิ.ย.นี้ เพราะหากครูบาอาจาย์เอาเรื่องไม่จริงมาเขียน ก็จะทำให้ลูกศิษย์ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะนักเรียน ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ที่เป็นโรงเรียนใหญ่ที่จะเข้าสู่มหาวิทยาลัยใหญ่ๆอีกหลายแห่งในอนาคต มิเช่นนั้นก็จะเหมือน"อหิงสกะ ที่ ไปเจอออาจารย์ไม่ดีหลอก จนสุดท้ายหลายเป็นองคุลีมาร " ณัฐวุฒิ กล่าว

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า พอเสื้อแดงจะประกาศชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงวันที่27 มิ.ย. นี้ รัฐบาลก็ใช้วิธีสามานย์ในการขัดขวางการชุมนุม คือ เตรียมตั้งกางเต๊นท์จัดงานวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาทั้งๆที่ ระยะเวลาห่างกัน และเชื่อว่าพระสงฆ์คงไม่รู้เรื่องด้วย โดยยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้ จะเป็นการต่อสู้ เพื่อทวงคืน ประชาธิปไตยครั้งใหญ่ และจะมีเป้าหมายคือให้รัฐบาลยุบสภา เพราะที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาการเมืองโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า รัฐบาลจึงควรยุบสภาไปเลย และให้ทุกพรรคการเมือง บอกมาเลยว่า พรรคไหนที่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการชุมนุมจะเป็นการต่อเนื่องจากการชุมนุมคราวที่แล้วที่ขับไล่รัฐบาลอำมาตยาธิปไตย คือ ขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นาย ชาญชัย ลิขิตจิตถะ พล.อ.สรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งครั้งนี้อาจจะยกระดับถึงถวายฎีกา

อย่างไรก็ตามการชุมนุมครั้งนี้จะให้พ.ต.ท.ทักษิณ วิดิโอลิงก์ เข้ามาพูดถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยชำแหละรัฐบาลชุดนี้ทั้งในการบริหาร การเมือง และเศรษฐกิจ ในมิติของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง เช่น พ.ร.ก.และพ.ร.บ. กู้เงิน 8 แสนล้านบาท

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีข่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะดึงพรรคเพื่อไทยไปร่วมรัฐบาล หลังจากมีปัญหากับพรรคร่วม นายจตุพร กล่าวว่า คงเป็นไปไม่ได้ต้องรอชาติหน้า เพราะตนเป็นฝ่ายตรวจสอบคนที่ฆ่าประชาชน คงจะไม่ไปอยู่กับฝ่ายที่ฆ่าประชาชน ถ้าเป็นเช่นนั้นประชาชนคงยอมรับไม่ได้ เพราะเป็นการทรยศหักหลังอย่างถึงที่สุดและเชื่อว่าไม่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนไหน จะคิดไปอยู่กับรัฐบาลประชาธิปัตย์ แน่นอนเพราะหากเป็นเช่นนั้นจะถูกประชาชนลงโทษ ไม่เลือกเป็น ส.ส. อีก อีกทั้งมองว่า ต่อให้พรรคประชาธิปัตย์คิดจริง ก็ไม่ควรไปกินเบ็ดในเวลานี้ เพราะกระแสการเมืองในเวลานี้ ต้องการรัฐบาลที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างพรรคเพื่อไทยและมีความเป็นประชาธิปไตยและกลับมาเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในอนาคต


นักวิชาการเชียงใหม่ตบเท้าเทียบเคียง24มิ.ย.กับปัจจุบัน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. 2552 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) กลุ่มนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือ แนวร่วมกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ และกลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ ได้จัดงานรำลึก ได้จัดงานรำลึก "วันชาติ" และสืบทอดประวัติศาสตร์เพื่อประชาธิปไตยวันการปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475 ขึ้น โดยมีการเสวนาเรื่อง "วิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตประชาธิปไตย : อนาคตสังคมไทย" โดยมีวิทยากรซึ่งประกอบด้วย รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยพายัพ รศ.ดร เนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มช.

รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มช. นายวรวิทย์ เจริญเลิศ นักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์ มช. ฯลฯและมีนายชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเป็นผู้ดำเนินรายการ มีผู้ร่วมรับฟังประมาณ 80 คน เวทีเสวนาในครั้งนี้มีสมาชิกกลุ่มสมาพันธ์ชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเป็นกลุ่มเสื้อแดงจาก จ.เชียงใหม่เข้าร่วมรับฟังกันไม่ต่ำกว่า 30 คนและมีการนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และกล้องบันทึกภาพมาทำการถ่ายทอดบรรยากาศการเสวนาเพื่อออกอากาศสดผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตของคนเสื้อแดงด้วย

ก่อนเปิดเสวนาได้มีการเปิดฟังเพลงวันชาติ โดยผู้เข้ามาถึงห้องประชุมประมาณ 10 คนแรกได้ลุกขึ้นยืนตรงทำความเคารพไปพร้อมกัน จากนั้นเมื่อมีผู้เข้าร่วมรับฟังทยอยกันมาเพิ่มขึ้นนายชำนาญ ได้ลุกขึ้นอ่านแถลงการณ์คณะราษฎร์ จากนั้นวิทยากรได้เริ่มเปิดการเสวนา

นายวรวิทย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมีอำนาจนอกระบบเข้ามาสร้างปัญหาตลอดเวลา ยังมีช่องว่างในการกระจายรายได้สูง เพราะคนรวยที่มีอยู่ร้อยละ 20 สามารถควบคุมส่วนแบ่งมากกว่าร้อยละ 53 ในขณะที่คนจนมีแต่ภาระหนี้สิน ทั้งนี้ การที่จะแก้วิกฤตได้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเชิงสถาบัน สังคมไทยจะแก้เศรษฐกิจได้ต้องแก้ที่การเมือง รัฐธรรมนูญปี 2540 เปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากกว่า ดังนั้นประชาชนต้องต่อสู้เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ได้มาจากกระบวนการประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาชน

รศ.ดร.ไชยันต์ กล่าวว่า 77 ปี ที่แล้วการประกาศของคณะราษฎรประชาชนไม่ค่อยรับรู้มากนัก แต่การเมืองไทยปัจจุบันทุกคนทุกที่รู้ว่าการเมืองไทยเลือกสีกันอย่างไร ซึ่งตัวชี้วัดคือการเลือกตั้งซ่อมล่าสุด จ.สกลนคร จึงอยากตั้งคำถามไปยังนักปราชญ์ที่ชอบพูดว่าปี 2475 คนไทยยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงการปกครองให้ลองมองดูปัจจุบันให้ดีว่าคนไทย พร้อมแค่ไหนเลิกพูดว่าคนไทยไม่รู้เรื่องได้แล้ว

"ตั้งแต่พ.ต.ท.ทักษิณออกไปจนถึงวันนี้ เห็นว่าฝ่ายอำมาตยาธิปไตยต่อสู้ทุกรูปแบบจริง ๆ ทั้งต่อสู้ผ่านระบบรัฐสภา ซึ่งมีพรรคการเมืองเก่าแก่สุดเป็นหัวหอก การต่อสู้ภาคประชาชนซึ่งก็มีการชุมนุมอย่างไรก็ได้ การใช้กฎหมาย และการต่อสู้โดยศาล ในการรำลึกถึงวันชาติในวันนี้มีความสำคัญ เพราะว่าวันนี้เป็นวันเปลี่ยนแปลงชาติ" รศ.ดร.ไชยันต์กล่าว

รศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราไม่เคยศึกษาหรือมีงานวิชาการในประเด็นที่ว่าเมื่อเราเป็นประชาธิปไตยแล้วจะทำให้ประชาธิปไตยอยู่ได้อย่างไร เรามัวไปผูกอยู่กับบุคคลทำให้ประเทศเราล้าหลัง การฟื้นกลับมาในวันที่ 19 กันยายน 2549 จนกระทั่งเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งพรรคพลังประชาชนชนะ แต่เขาก็ยังทำทุกอย่างให้ได้กลับคืนมามีอำนาจทั้งการยึดสนามบิน ยึดทำเนียบฯ

"สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเอาคืนให้ได้หรือไม่ยอม ก็เลยกลับมาเป็นการตีกรอบของอาณาจักรอีกครั้ง เป็นการเอาคืนจาก 24 มิถุนายน 2475 ไม่เพียงแต่เป็นการเอาคืนแต่ยังได้สั่งสมประสบการณ์ จากเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 และ 23 ธันวาคม 2550 ที่เลือกตั้งแพ้เขาเลยใช้วิธีการเอาพวกที่รับใช้เช่นพันธมิตรฯออกมาเดินขบวนยึดทำเนียบ แล้วใช้ศาลตะปบอีกทีซึ่งนำมาสู่การยุบพรรคพลังประชาชนแล้วใช้คนเคลื่อนไหว ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ที่โลกต้องบันทึกไว้ใหญ่หลวงมาก มีการใช้ทั้งสื่อมวชน ทหาร ตำรวจ นักวิชาการ องค์กรต่าง ๆเข้าไปร่วมเป็นยุทธการกินเมือง" รศ.ดร.ธเนศวร์ กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook