เจ้าอาวาสฉาวมั่วสีกาคากุฏิ เผ่นแน่บหนีจากวัด ทิ้งกางเกงในผู้หญิงให้ดูต่างหน้า

ช่วงบ่ายที่ผ่านมา (13 ส.ค.62) ที่วัดปลายสระ หมู่ 4 ตงควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช มีชาวบ้านจำนวนกว่า 300 คน มารวมตัวกับปิดล้อมกุฎิเจ้าคณะตำบลควนพัง และเป็นอาวาสวัดปลายสระ หลังทนเห็นพฤติกรรมพาสีกาเข้ามาอยู่ภายในกุฏิมานานแล้ว โดยเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวคือ พระครูสุตาพิมล อายุ 48 ปี โดยไม่ได้อยู่ภายในกุฏิแต่ทราบว่าได้หนีออกจากวัดไปตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.62 ที่ผ่านมา

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่มาล้อมกุฏิ ได้มีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในศาลาการเปรียญวัด นำโดยนายสมคิด กาญจนสุวรรณ ปลัดอาวุโส อ.ร่อนพิบูลย์ และพระใบฏีกาเมธี รองเจ้าคณะอำเภอร่อนพิบูลย์ , นายวินัย จันทร์ประภา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ รวมถึงกรรมการวัดอีกจำนวนหนึ่งได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปตรวจสอบภายในกุฏิที่พักของเจ้าอาวาสโดยได้พบเงินเป็นธนบัตร 1 พันบาท , 1 ร้อยบาท , ยี่สิบบาท และเหรียญต่างๆ ตั้งระเนระนาดอยู่ทั่วบริเวณรวมถึงสมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่มและอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก

นอกจากนั้นยังมีกางเกงใน เสื้อ และผ้าถุงของผู้หญิงตากอยู่ภายในกุฏิขวดโหลเหล้ายาดองตั้งอยู่บนตู้ 4 ขวด รวมทั้งเบียร์ยี่ห้อหนึ่งแช่อยู่ในตู้เย็น 1 ขวด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บเงินที่พบอยู่บนโต๊ะ ใต้โต๊ะออกมานับ โดยนับได้ทั้งหมด 51,688 บาท และมีธนบัตรฉบับละ 1 พันบาทหลายใบก็มีรอยชำรุดจากการถูกปลวกกิน ในสมุดบัญชีมีเงินอีกจำนวนหนึ่งจึงมอบให้รองเจ้าคณะอำเภอร่วมกับชาวบ้านทำการรักษาไว้ก่อน ส่วนอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไปตรวจสอบที่ สภ.ร่อนพิบูลย์

นายเตือน หวานทอง กรรมการวัดและเป็นคนขับรถให้เจ้าอาวาสเปิดเผยว่า ตนเห็นพฤติกรรมของเจ้าอาวาสมาหลายปีเกี่ยวกับการทำผิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีกา และการพูดจาที่ไม่อยู่ในสมณสารูป อดทนเก็บไว้มาโดยตลอด ทั้งยังเคยตักเตือนแต่ไม่เป็นผล จนกระทั่งชาวบ้านทราบข่าวจึงได้เข้ามาจับผิด โดยพบว่าเจ้าอาวาสได้พาสีกาซึ่งเป็นคนในพื้นที่มาหลับนอนในวัด และชาวบ้านได้เข้ามาหาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้ปิดประตูกุฏิไม่ให้เข้าไปด้านใน

หลังจากที่ช่วงชาวบ้านกลับไปหมดท่านก็ได้หนีออกจากวัดไปตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา วันนี้ชาวบ้านจึงมารวมตัวกันเพื่อที่จะพิสูจน์หลักในกุฏิก็พบหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงกางเกงในผู้หญิงและพบว่าสมบัติของวัดสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆถูกทิ้งขว้างแบบไม่ได้รับการสนใจทำให้ชำรุดเสียหายเป็นจำนวนมาก

สำหรับที่วัดแห่งนี้ชาวบ้านเค้าเสื่อมศรัทธาต่อเจ้าอาวาสและไม่มีใครเข้าวัดมานานแล้วมีอยู่เพียงไม่กี่ครอบครัวที่เข้าออกวัด ส่วนพระลูกวัดเมื่อก่อนมีอยู่รูปหนึ่งเป็นพระชราและพิการเจ้าอาวาสก็ไล่ออกจากวัดพระรูปนั้นก้มกราบขออยู่ก็ไม่ยอม ทั้งวัดมีแต่เจ้าอาวาสรูปเดียวไม่มีพระรูปใดอยู่เพราะไม่ยอมให้มีพระรูปอื่นมาจำอยู่ในวัด ที่ผ่านมาจะรับนิมนต์และเป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับคนนอกพื้นที่เป็นหลัก แต่ในพื้นที่จะไม่มีใครนิมนต์เพราะรู้พฤติกรรม ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะต้องช่วยกันพัฒนาวัดเพื่อให้กลับมาเป็นวัดอีกครั้ง