ฉาวสนั่น "พระหนุ่ม" เสพเมถุนน้องต่างแม่ ซ้ำศิษย์สาวเป็นเหยื่อเพียบ

ฉาวสนั่น "พระหนุ่ม" เสพเมถุนน้องต่างแม่ ซ้ำศิษย์สาวเป็นเหยื่อเพียบ

ฉาวสนั่น "พระหนุ่ม" เสพเมถุนน้องต่างแม่ ซ้ำศิษย์สาวเป็นเหยื่อเพียบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แฉพฤติธรรมฉาว พระหนุ่มเมืองอุตรดิตถ์ เสพเมถุนน้องสาวต่างแม่ อ้างเป็นการฝึกจิตภาวนา ซ้ำศิษย์สาวตกเป็นเหยื่อเพียบ ไหวตัวชิงลาสิกขาก่อน รอเรื่องเงียบแล้วค่อยบวชใหม่

(14 ส.ค.) น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 29 ปี น้องสาวต่างมารดาของอดีตพระสงฆ์รูปหนึ่ง เจ้าของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ได้ออกมาแฉพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของอดีตพระสงฆ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกัน เพราะมีพ่อคนเดียวกัน แต่เป็นลูกต่างแม่

โดยระบุว่า เมื่อปี 2560 ได้มาอาศัยอยู่กับพระพี่ชายที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวตั้งแต่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง พ่อแม่และน้าให้มาคอยดูแลพระพี่ชายเปรียบเสมือนน้องสาวที่คอยดูแลพี่ชาย ได้ทำหน้าที่คล้ายกับเด็กวัดคนหนึ่ง ทำหน้าที่จนกระทั่งตนมีอาการกระดูกทับเส้น ขณะเดียวกันก็รับรู้รับทราบจากลูกศิษย์ว่า พระพี่ชายแอบมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับลูกศิษย์สาวคนหนึ่ง แต่ตนไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง แม้จะคิดว่าอาจเป็นไปได้

น.ส.พลอย กล่าวว่า ตลอดเวลาที่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ค่อยสบายใจ จึงตัดสินใจปรึกษากับพระพี่ชายว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ โดยพระพี่ชายแนะนำว่าจะต้องทำการฝึกจิต ด้วยวิธีการเปลื้องผ้าต่อหน้าพระพี่ชายในช่วงเวลากลางคืน เพื่อทำการทดสอบสภาพจิตใจของตน ยอมรับว่ายังไม่คิดอะไรว่าทำไมการฝึกจิตถึงต้องเปลื้องผ้า อีกทั้งเชื่อว่าความที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

กระทั่งทำการฝึกแบบนี้อยู่ 3 สัปดาห์ พระพี่ชายก็บอกให้ทำอย่างเดิม แต่ครั้งนี้ให้นอนหงายแล้วปิดไฟฟ้าให้อยู่ในความมืด จากนั้นพระพี่ชายก็นำมะเขือยาวที่แช่เย็นออกมาให้จับ ขณะนั้นรู้สึกกลัวอย่างมากและเริ่มคิดว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว สุดท้ายในคืนนั้นพระพี่ชายกับตนก็มีความสัมพันธ์ทางเพศหรือเสพเมถุนด้วยกัน

หลังจากคืนนั้น พระพี่ชายก็พยายามกำชับว่า ห้ามพูดหรือนึกถึงเรื่องคืนที่ผ่านมา เพราะจะเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย โดยตนและพระพี่ชายเสพเมถุนอยู่ด้วยกันเช่นนั้นมานานถึง 3 ปี โดยปีแรกยอมรับว่าลำบากใจและรู้สึกไม่ดี รู้สึกกลัวทุกครั้งที่ถูกเรียกเข้าไปพบในห้องในช่วงกลางคืน

แต่พอผ่านไปปีที่ 2 และ 3 ก็รู้สึกชิน แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าไม่ดีและทำลายศาสนา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเกรงว่า ชื่อเสียงของพระพี่ชายจะเสียหาย รวมถึงมีญาติโยมมาทำบุญสร้างพระพุทธรูปจำนวนมากกว่า 100 องค์

โดยช่วง 2 ปีแรกที่มีอะไรกับพระพี่ชาย มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีอายุมาทำบุญที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ พระพี่ชายกับโยมรายนี้ก็พูดคุยกันถูกคอ กระทั่งมีความสัมพันธ์อะไรกันเกินเลยไปมากกว่าลูกศิษย์กับพระ เรื่องที่เกิดขึ้นมีพระรูปหนึ่งที่เคยมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมเห็นว่าอยู่ด้วยกัน 2 คนในห้องเดียวกันตลอดทั้งคืน

น.ส.พลอย กล่าวต่อว่า ตลอด 2 ปีที่ต้องอาศัยอยู่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้แบบหวานอมขมกลืน เพราะต้องอยู่แบบไม่ต่างอะไรไปจากเมียหลวงเมียน้อย เมื่อช่วงต้นปี 2562 พระพี่ชายและโยม ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิแห่งหนึ่งขอให้ออกจากสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ โดยให้เงิน 200,000 บาท จึงตัดสินใจออกมาอยู่กับพ่อที่ จ.เชียงราย

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พ่อก็ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วทั้งหมด จึงเดินทางมาพบพระลูกชาย แม้จะอยู่ภายในสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ แต่นุ่งขาวห่มขาว เนื่องจากทำการลาสิกขาไปเมื่อเดือนมิถุนายน โดยอดีตพระพี่ชายก็ยอมรับกับพ่อว่า ได้มีความสัมพันธ์กับน้องสาวต่างมารดาจริง พ่อแม่และน้ากำลังหารือกันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไรกับอดีตพระรูปนี้อย่างไรได้บ้าง

เหตุที่ทำให้อดีตพระพี่ชายต้องลาสิกขาก็เนื่องมาจาก มีบรรดาญาติโยมลูกศิษย์รู้เรื่องถึงเรื่องไม่ดีมากขึ้น ญาติโยมรุ่นเก่าๆ ที่เคยเป็นลูกศิษย์ไม่มาทำบุญหรือเข้ามาสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้แล้ว จะมีแต่ก็ญาติโยมและลูกศิษย์รุ่นใหม่ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเข้ามาทำบุญเหมือนเดิม

ล่าสุดสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ และปิดไม่รับปฏิบัติธรรมจากบุคคลภายนอกแล้วพร้อมห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปภายในสำนักปฏิบัติธรรมด้วย การที่ตนออกมาแฉเรื่องไม่ดีครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะความหึงหวงหรือมีผลประโยชน์ภายในสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ และก็ไม่มีผลประโยชน์อะไรกับทางสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ด้วย

ถึงแม้ว่าผู้ที่ก่อเหตุจะเป็นอดีตพระพี่ชายเองก็ตาม แต่ต้องการให้ญาติโยมคนอื่นต้องตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป และทราบว่า อดีตพระพี่ชายจะรอให้เรื่องนี้เงียบไปก่อน เพื่อเตรียมกลับมาบวชเป็นพระอีก

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ได้นำคลิปภาพขณะพระพี่ชายเสพเมถุนกับตน และหลักฐานการคุยกันในแชท ระหว่างพระพี่ชายกับโยมที่เป็นประธานมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุตรดิตถ์

แต่เจ้าหน้าที่ในศูนย์ดำรงธรรม จ.อุตรดิตถ์ ไม่ยอมรับเรื่องโดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และเกรงจะเกิดอันตรายกับตัวผู้ร้อง หรืออาจจะถูกฟ้องร้องได้ ก่อนหน้านี้ก็เคยปรึกษาทางสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งทางผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาก็บอกว่า ทำอะไรไม่ได้ เพราะพระรูปนี้ทำการลาสิกขาไปแล้ว

ทั้งนี้ แหล่งข่าวลูกศิษย์สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้รายหนึ่ง ยอมรับว่า อดีตพระสงฆ์รูปนี้เสพเมถุนกับผู้หญิงจริง และการลาสิกขาก็เป็นเพราะเหตุนี้ ผู้หญิงที่อดีตพระสงฆ์รูปนี้เสพเมถุนด้วยนั้น ไม่น่าจะเป็นเจ้าของมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ แม้จะรับรู้เรื่องราวของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ว่าเสื่อมเสียอย่างไร แต่หากมีเวลาก็จะไปปฏิบัติธรรมเหมือนเดิม เพราะเชื่อในคำสอนของพระพุทธศาสนา และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว

ทางด้าน นายธนกร อึ้งจิตรไพศาล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จะให้นายพิภัช ประจันเขตต์ รองผู้ว่าราชการ จ.อุตรดิตถ์ ที่ดูแลงานด้านพระพุทธศาสนาให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามหากเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook