สั่งจับตา "พระหนุ่ม" เสพเมถุนน้องต่างแม่ ส่งประวัติย้ำ "บวชไม่ได้อีก"

สั่งจับตา "พระหนุ่ม" เสพเมถุนน้องต่างแม่ ส่งประวัติย้ำ "บวชไม่ได้อีก"

สั่งจับตา "พระหนุ่ม" เสพเมถุนน้องต่างแม่ ส่งประวัติย้ำ "บวชไม่ได้อีก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองพ่อเมืองอุตรดิตถ์เรียกประชุมด่วน "พระหนุ่ม" เสพเมถุนน้องสาวต่างแม่ ส่งประวัติทั่วประเทศย้ำชัด "บวชไม่ได้อีก" เพราะผิดขั้นปาราชิก

จากกรณี น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 29 ปี น้องสาวต่างแม่ของอดีตพระสงฆ์รูปหนึ่ง เจ้าของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ออกมาแฉพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของอดีตพระสงฆ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายสายเลือดเดียวกัน ด้วยการเสพเมถุนกับตัวเองตั้งแต่ปี 2559 และพระพี่ชายได้ทำการลาสิกขาไปแล้วนั้น

ล่าสุดในวันนี้ (15 ส.ค.) ที่ห้องประชุมตรอนตรีสินธ์ ชั้น 5 ศาลาลกลาง จ.อุตรดิตถ์ นายพิภัช ประจันเขตต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะผู้รับผิดชอบงานสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุตรดิตถ์ เชิญนายธาตรี บุญมาก นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุตรดิตถ์ และผู้แทนศูนย์ดำรงธรรม จ.อุตรดิตถ์ เพื่อหารือกรณีดังกล่าว

>> ฉาวสนั่น "พระหนุ่ม" เสพเมถุนน้องต่างแม่ ซ้ำศิษย์สาวเป็นเหยื่อเพียบ

ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุตรดิตถ์ แจ้งว่า ทราบแล้วว่าเป็นอดีตพระผู้นี้เป็นใคร ประจำอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมที่ไหน และเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสงฆ์รูปนี้ได้ทำการลาสิกขาไปแล้ว เหตุจากการเสพเมถุน มีความผิดขั้นร้ายแรงหรือปาราชิก ไม่สามารถกลับมาบวชเป็นพระได้อีกแล้วตลอดชีวิต

นายพิภัช กล่าวว่า ได้กำชับให้นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุตรดิตถ์ เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากทราบแล้วว่า อดีตพระสงฆ์ดังกล่าวประจำสำนักปฏิบัติธรรมที่ไหน มีมูลนิธิแห่งหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องให้หลายหน่วยงานบูรณาการร่วมกันเพื่อเข้าไปตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ของเอกชน

อย่างไรก็ตามหลังจากพระสงฆ์รูปนี้ลาสิกขาไปแล้ว ทางวินัยสงฆ์คงไม่สามารถเอาผิดอะไรได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องคดีอาญาจะต้องให้ผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ แต่เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด จะรายงานเบื้องต้นการตรวจสอบเรื่องนี้ให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดทราบโดยด่วน

"เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุตรดิตถ์ แจ้งว่า เมื่อพระรูปนี้ทำการลาสิกขา เพราะเหตุมาจากความผิดร้ายแร้งหรือปาราชิก ก็จะส่งประวัติไปยังเจ้าคณะปกครองสงฆ์ทั่วประเทศไทย อีกทั้งนำประวัติส่งไปยังกองทะเบียนอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเก็บประวัติไว้ หากมีการตรวจสอบประวัติบุคคลก่อนอุปสมบทก็สามารถตรวจสอบจากแหล่งนี้ เพื่อไม่ให้อดีตพระสงฆ์รูปนี้กลับมาบวช ไม่ให้ไปทำการสิ่งที่ไม่เหมาะสมและทำลายศาสนาอีกต่อไป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะเร่งดำเนินการให้เรียบร้อยและแล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วประเทศ" นายพิภัช กล่าว

ขณะที่ น.ส.พลอย เปิดเผยว่า ยังมีลูกศิษย์อดีตของพระพี่ชายหลายคน ได้โทรศัพท์มาให้กำลังใจ และพร้อมที่จะออกมาแฉพฤติกรรมของพระพี่ชายเช่นเดียวกัน บางคนถูกข่มขู่จากเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่ง สั่งไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้ หากยุ่งจะถูกทำร้ายได้

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าจะต่อสู้กับเรื่องนี้จนถึงที่สุด แม้วันนี้จะตกอยู่ในอันตราย แต่หากไม่ต่อสู้คนกลุ่มนี้ก็จะไปสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นๆ การออกมาต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะประโยชน์ แต่ต้องการไม่ให้อดีตพระพี่ชายและมูลนิธิแห่งนี้ใช้ความเลื่อมใสศรัทราหากินอีกต่อไป และไม่ต้องการให้อดีตพระพี่ชายกลับมาบวชเป็นพระอีก เพราะก่อนหน้านี้ทราบมาว่า หากเรื่องนี้เงียบก็จะกลับไปบวชอีกใน จ.เชียงใหม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook