หนุ่มเครียดตำรวจจับฉี่ม่วง แขวนคอตายคาห้องขัง เชื่อเสพยาช่วยหายปวดโรคเกาต์
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ส.ค.62 ตร.สภ.ด่านซ้าย จ.เลยได้รับแจ้งมีเหตุชายเมายาคลุ้มคลั่งเดินร้องโวยวาย หน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย เมื่อรับแจ้งประสานไปยัง ตร.จราจร ชุดสายตรวจเดินทางไปที่เกิดเหตุ พบนายบี อายุ 33 ปี เดินร้องเอะอะโวยวายตะโกนเสียงดังว่าตำรวจรังแกประชาชน เจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นและพูดจาด้วยดี แต่นายบี เกิดอาการหลอนคลุ้มคลั่งไม่ยอมให้ตรวจค้นและพยายามหนี จึงได้ควบคุมตัวแต่นายบีขัดขืนไม่ยอมให้ตรวจค้น ร้องโวยวายขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านละแวกดังกล่าว ว่าตำรวจรังแกประชาชนและทำอะไรผิด ตำรวจ 4-5 นายใช้เวลาร่วม 10 นาที จนสามารถคุมตัวไว้ได้ นำขึ้นรถไป สภ.ด่านซ้าย เข้าห้องขังเพื่อระงับสติอารมณ์ และจากการตรวจปัสสาวะพบว่าฉี่ม่วง
จนกระทั่งเวลา 20.00 น. วันที่ 15 ส.ค.62 พ.ต.ท.บุญชู มีศรี รอง ผกก.(สอบสวน) ได้รับแจ้งจากสิบเวรว่า ได้ตรวจห้องขังตามปกติ พบนายบีซึ่งอยู่ภายในห้องขังคนเดียว ใช้เสื้อยืดแขนยาวสีแดงและเชือกเอวกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลแขวนคอตายกับลูกกรงในห้องน้ำภายในห้องขัง สภาพยืนทิ้งตัวไม่สวมเสื้อ จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.ภุชงค์ ภัทรพงศ์สินธุ์. ผกก.สภ.ด่านซ้าย ทราบ พร้อมประสานไปยัง เจ้าหน้าที่อัยการ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์ รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ปลัดอาวุโส อ.ด่านซ้าย และญาติผู้ตายให้ทราบ
ต่อมาเวลา 02.00 น. วันที่ 16 ส.ค.62 นายไหม อายุ 30 ปี น้องชายผู้ตาย และนางพรรณี อายุ 28 ปี ภรรยาผู้ตาย พร้อมด้วยญาติร่วม 10 คน ได้เดินทางมาที่ สภ.ด่านซ้าย เพื่อขอดูศพ ซึ่งผลการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตอย่างละเอียด ร่างกายไม่พบบาดแผล บอบช้ำ หรือร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย เสียชีวิตมาแล้ว 1-2 ชม. จนญาติพอใจในการชันสูตรพลิกศพ
จากการสอบถามญาติผู้ตาย เล่าว่า นายบีได้ออกจากบ้านเมื่อวันที่ 14 ส.ค.62 ช่วงเย็น ญาติออกตามหาไม่พบ ไปแจ้งความที่ สภ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ให้ช่วยตามหา จนกระทั่งได้รับแจ้งจาก สภ.ด่านซ้าย ว่านายบีแขวนคอตายในห้องขังจึงรีบมา ส่วนสาเหตุมาจากนายบีเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด เป็นโรคเกาต์ที่เท้าทั้งสองข้างเดินไม่ได้ จึงหันไปเสพยาบ้าเพื่อบรรเทาความเจ็บจนเดินได้และเสพมาตลอด และมีปัญหากับทางครอบครัว ไม่สุงสิงกับใคร จนหนีออกจากบ้านญาติและภรรยาออกตามหาก็ไม่พบ จนมาได้รับแจ้งว่าแขวนคอตายในห้องขังของ สภ.ด่านซ้าย ส่วนทางญาติไม่ติดใจการเสียชีวิตขอร่างผู้ตายนำไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป