เปิดใจแม่เด็ก ป.2 โดนครูตีหน้าปูดช้ำ เพิ่งได้รับแค่คำขอโทษปากเปล่ากลับมา
แม่หนูน้อยวัย 7 ขวบ นักเรียน ป.2 โดนครูสอนเลขใช้ไม้ตีทำโทษ เพราะแก้โจทย์ไม่ได้ ทำให้ใบหน้าปูดช้ำระบม แม่แจ้งความเอาไว้แล้ว ยืนยันไม่พาลูกไปเรียกอีก ถ้าครูคนนี้ยังอยู่
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพของเด็กหญิงที่มีรอยฟกช้ำที่ใบหน้า โดยระบุว่าถูกคุณครูตี เพราะเด็กบวกเลขช้า ผู้ปกครองยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของครูที่ทำร้ายลูกศิษย์ตัวน้อยได้ทารุณเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว ก็คือ นางนุชนารถ อายุ 26 ปี เป็นแม่ของเด็กหญิงที่ถูกทำร้าย โดยระบุว่าเด็กคนดังกล่าวก็คือลูกสาว น้องจ๊ะจ๋า วัย 7 ขวบ เป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยพบว่าคุณแม่กำลังพูดคุยอยู่กับ น.ส.นฤมล อินทะพงษ์ ผู้อำนวยโรงเรียน และคุณครูที่มาเยี่ยมดูอาการ
>> แม่เอาเรื่องถึงที่สุด ครูเอาไม้ตีกลางหัวลูกสาวตัวน้อย หน้าตาบวมปูดสุดน่าสงสาร
นางนุชนารถ เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนไปรับลูกสาวกลับบ้านช่วงเย็นตามปกติ แต่ลูกบ่นว่าปวดหัว แต่ตอนนั้นคิดว่าเด็กคงจะเรียนหนักหรือไม่สบาย กลับถึงบ้านจึงให้นอนพัก แต่ปรากฏว่ากลางดึก น้องจ๊ะจ๋า เริ่มมีอาการช้ำที่ศีรษะ สวมรอบๆ ดวงตาและแก้มก็ปรากฏรอยช้ำขึ้นมา ทำให้ตนรู้สึกตกใจมาก
เมื่อสอบถามกับลูกสาวก็ได้บอกว่า โดนครูทำโทษด้วยการใช้ไม้ตี เพราะแก้โจทย์คณิตศาสตร์ไม่ได้ หลังจากนั้นจึงรีบพาลูกไปหาหมอ และทำการเอ็กซเรย์สมองดู แพทย์ระบุว่าเด็กไม่มีอาการใดๆ ที่ศีรษะ กะโหลกไม่แตกร้าว มีเพียงอาการช้ำใน ทำให้มีเลือดคั่งแสดงออกมา และจ่ายยากินและยาทามาให้ช่วยบรรเทา
นางนุชนารถ กล่าวต่อว่า ตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ด้วย เนื่องจากเหตุว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน เพื่อจะขอไปพูดคุยกับทางโรงเรียนของลูกสาวก่อนว่าควรจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ ทั้งนี้หากพบว่าลูกมีอาการหนักขึ้นก็คงจะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะเป็นการกระทำกับเด็กท่เกินกว่าเหตุ ขณะที่ล่าสุดได้รับเพียงแค่คำขอโทษปากเปล่ามาเท่านั้น
แม่ของน้องจ๊ะจ๋า ยังบอกด้วยว่า หลังจากนี้คงจะไม่พาลูกสาวไปโรงเรียนอีก หากครูที่ทำร้ายลูกยังปฏิบัติหน้าที่อยู่เช่นเดิม ส่วนสาเหตุที่นำเรื่องราวไปโพสต์ลงโซเชียลนั้น ก็เพื่อจะเตือนเป็นอุทาหรณ์พ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะบางครั้งส่งลูกไปอยู่ในรั้วโรงเรียน เราก็แทบไม่ล่วงรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะความไว้ใจฝากลูกเอาไว้กับคุณครูที่โรงเรียน