นาทีสยอง! ครูซิ่งกวาดรถจอดติดไฟแดง ไฟลุกกลางเมือง ดับ 1 เจ็บ 6
ภาพจากวงจรปิดเผยนาที รถปิกอัพของครูโรงเรียนมัธยม ซิ่งกวาดรถจักรยานยนต์ 4 คันรวด จอดติดไฟแดงอยู่ กลายเป็นโศกนาฏกรรม เจ้าตัวอ้างไม่ได้เมา แต่มีโรคกำเริบ
จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ สีดำ ขับมาจากทางอนุสารีย์รัชกาลที่ 1 มุ่งหน้าจะเข้าตัวเมืองบุรีรัมย์ โดยขับขี่มาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบริเวณสามแยกหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเดิม รถยนต์คันดังกล่าวได้พุ่งชน รถจักรยานยนต์ที่จอดติดไฟแดง 4 คันรวด โดยมีจักรยานยนต์ถูกลากติดไปใต้ท้องรถด้วย ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ด้านหน้ารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายทั้ง 2 คัน
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ (16 ส.ค.) ซึ่งจากอุบัติเหตุดังกล่าวเป็นเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 2 คน กระทั่ง นายธีวธันย์ หนึ่งในผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว ล่าสุดได้เสียชีวิตลงแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 6 คน ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์
ล่าสุดได้มีการเผยภาพจากกล้องวงจรปิดนาทีที่เกิดเหตุ โดยในภาพวงจรปิดเผยเห็นได้ว่า รถจักรยานยนต์กำลังจอดรอสัญญาณไฟที่สามแยกหน้าศาลาหลังเดิมอยู่หลายคัน แต่อยู่ๆ รถยนต์คู่กรณีก็วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะชนกวาดเอารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่กระจัดกระจายเต็มถนน และได้เกิดไฟลุกไหม้ที่ด้านหน้ารถยนต์ ก่อนลุกลามไหม้รถจักรยานยนต์ที่ถูกลากติดใต้ท้องรถไปด้วย
โดยในภาพหลักฐานจะเห็นว่า มีรถจักรยานยนต์ล้มและผู้บาดเจ็บนอนเกลื่อนเต็มถนน ในจำนวนนี้มีชายคนหนึ่งนอนแน่นิ่งไม่สามารถขยับตัวได้ ก่อนที่จะมีผู้ที่ขับรถสัญจรผ่านไปมาจอดดูเหตุการณ์และช่วยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยให้เร่งเข้ามาช่วยเหลือ
ขณะที่ ร.ต.อ.สุมนัส นัดที พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์กับ นายสมศักดิ์ อายุ 53 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยราช พบว่ามีปริมาณแฮลกอฮอล์เพียง 39 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ยังไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ตนเองมีโรคประจำตัวที่ต้องกินยาอยู่เป็นประจำ พอดีว่าในวันเกิดเหตุไม่ได้กินยาเข้าไป ทำให้อาการกำเริบขณะที่ขับรถอยู่ กระทั่งเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ก็ต้องรอใบรับรองจาแพทย์ว่านายสมศักดิ์มีอาการป่วยจริงหรือไม่ แต่เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และขับรถด้วยความประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย
ส่วนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตภายหลังในเหตุการณ์ดังกล่าว จะได้สอบสวนผู้เกี่ยวข้อเพิ่มเติม ก่อนจะแจ้งข้อหาอีกเพิ่มเติมต่อไป