เปิดชีวิต "พั้นช์ วรกาญจน์" กับ 6 ปีที่หายไปจากวงการบันเทิง
หากย้อนกลับไปในช่วง พ.ศ. 2548 เชื่อว่าคงไม่มีวัยรุ่นคนไหนไม่รู้จักนักร้องสาวตาคม พั้นช์-วรกาญจน์ โรจนวัชร ที่โด่งดังสุดๆ จากเพลง “คำขอร้องของผู้หญิงตาดำๆ” ในอัลบั้ม ผู้หญิงตาดำๆ ส่งผลให้พั้นซ์กลายเป็นไอดอลและแฟชั่นไอคอนของเหล่าวัยรุ่นในยุคนั้น และเธอยังมีผลงานเพลงฮิตติดหูออกมาอีกมากมาย อาทิ เราคงต้องเป็นแฟนกัน, ยิ่งกว่าเสียใจ, วางมือบนบ่า น้ำตาก็ไหล ฯลฯ รวมทั้งยังมีผลงานด้านการแสดง ทั้งละคร ซิทคอม และภาพยนตร์ ออกมาให้แฟนๆติดตามอย่างต่อเนื่อง
แต่ด้วยเวลาและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้ชื่อของ พั้นช์ วรกาญจน์ จางหายจากการเป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่ โดยไม่ได้ปล่อยซิงเกิ้ลเดี่ยวของตัวเองนานถึง 6 ปี จนแฟนๆ คิดว่าเจ้าตัววางไมค์ไปใช้ชีวิตครอบครัวอย่างถาวรแล้ว หลังจากเข้าพิธีแต่งงานกับสามีนักธุรกิจ อรรถกร คูพัฒนาวิบูลย์ ในปี 2560
ล่าสุดแฟนๆ ของผู้หญิงตาดำๆ คนนี้ก็ได้เฮอีกครั้ง เพราะ พั้นซ์ ได้หวนมาจับไมค์ ปล่อยซิงเกิ้ลล่าสุด ในเพลง “เก็บซ่อน” เพลงดราม่าเจ็บลึกที่แฟนๆคุ้นเคย กับค่าย ข้าวสาร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ งานนี้จึงพลาดไม่ได้ที่เราต้องขอคว้าตัวสาวพั้นซ์มาเปิดใจถึงการหายไปที่แฟนๆ คิดถึง และก้าวใหม่ในครั้งนี้
ปล่อยซิงเกิ้ลของตัวเองในรอบ 6 ปี กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง ?
"กระแสตอบรับดีมากค่ะ ดีใจมาก เพราะตัวพั้นช์เองชอบเพลงนี้มาก และรู้สึกว่า ถ้าคนฟังได้ฟังเพลงนี้เขาก็น่าจะชอบเหมือนกัน ถ้าชอบในความเป็นพั้นช์ที่เหมือนย้อนกลับไปยุคแรก ๆ อารมณ์เหมือน ผู้หญิงตาดำ ๆ พอฟังเพลงนี้ก็น่าจะชอบเหมือนกัน
แต่การทำเพลงนี้พั้นช์ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องโด่งดัง คิดแค่ว่า อย่างน้อยแฟนคลับที่เขารอการกลับมาทำเพลงของเราเขาก็จะได้หายคิดถึงกัน ซึ่งพอปล่อยออกมาแฟนๆ ก็เข้ามาบอกว่าดีใจที่เรากลับมาทำเพลงอีก เพราะเขาคิดถึง เราก็ดีใจ แฮปปี้มากค่ะ (ยิ้ม)"
ช่วงที่หายไป 6 ปี คนคิดว่าเราแขวนไมค์ถาวรไปแล้ว?
"ช่วงที่หายจากงานเพลงไป 6 ปี จริงๆ ก็ไม่เคยคิดจะเลิกร้องเพลงเลย เพราะเรายังรู้สึกว่ายังมีศักยภาพพอที่เรายังร้องเพลงได้อยู่ ร่างกายเรายังไหว เสียงเรายังไหว และไม่จำเป็นด้วยว่าเราแต่งงานแล้วต้องเลิกทุกอย่างค่ะ"
ทำไมถึงหายจากงานเพลงไปนานขนาดนั้น?
"จริงๆ ระหว่างนั้นพั้นช์มีงานจ้างร้องเพลงของเราอยู่เรื่อยๆ และมีงานเพลงประกอบละคร และฟีเจอริ่งกับศิลปินท่านอื่นๆ เพียงแต่อาจจะไม่ได้มีผลงานของตัวเองปล่อยออกมาจริงจังสักที ถ้าเป็นแฟนคลับที่ติดตามก็จะรู้สึกว่าพั้นช์ก็ไม่ได้ไปไหน แต่ด้วยความที่หมดสัญญากับทางแกรมมี่ไปประมาณ 2 ปี บวกกับแต่งงาน ก็เหมือนหายไปพักนึง พอทุกอย่างมันลงตัว เราก็อยากกลับมาทำเพลง พองานที่เราปล่อยไปได้รับการตอบรับที่ดีเราก็เหมือนกลับมามีกำลังใจอีกครั้งค่ะ ถามว่าจะร้องเพลงไปอีกนานแค่ไหน พั้นช์ก็อยากจะร้องไปจนกว่าจะไม่มีแรงร้อง หรือจนกว่าจะร้องเพลงไม่ได้นั่นแหละค่ะ (หัวเราะ)"
ในยุค อัลบั้มผู้หญิงตาดำ ๆ ไม่มีใครไม่รู้จักพั้นช์ ตอนนี้เราเองยังคาดหวังชื่อเสียงแบบนั้นไหม?
"ผ่านมานานมาก (ลากเสียง) ถ้าถามแฟนเพลงที่อายุใกล้ๆ 30 ปี หรือ 30 ปี ขึ้นไปอาจจะรู้จัก (หัวเราะ) พั้นช์ไม่ได้คาดหวังค่ะ เข้าใจว่าทุกอย่างผ่านไปตามวิวัฒนาการ และพั้นช์ไม่ได้ยึดติดกับชื่อเสียงตรงนั้นเลยตั้งแต่แรก ในวันนี้ถึงเพลงที่ทำออกมาจะไม่ได้รับการยอมรับมากเหมือนเมื่อก่อนพั้นช์ก็ไม่ได้หมดกำลังใจ หรือ ผิดหวังอะไรขนาดนั้น เพราะอย่างที่บอกเราไม่ได้คาดหวังมากมาย เราใช้ชีวิตสบายๆ มาตั้งแต่แรก อย่างการออกอัลบั้มชุดแรก ตอนนั้นพั้นช์ก็ไม่กล้าคาดหวัง แต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่ที่พาเราไปถึงจุดนั้น เราก็ดีใจและขอบคุณ เหมือนเป็นกำไรชีวิตจะมีสักกี่คนที่ได้ทำงานที่รัก กับคนที่รักเรา และสิ่งที่เรารักยังสร้างเงินให้เราได้อีก แค่นี้ก็แฮปปี้และรู้สึกโชคดีมากแล้วค่ะ"
สามีว่ายังไงบ้างที่เรากลับมาทำงาน?
"เขาแล้วแต่เราค่ะ เพราะเขาเข้าใจว่านี่คืออาชีพ และเป็นสิ่งที่เรารัก ถ้าไม่ทำตรงนี้ก็ไม่รู้จะไปทำอะไร เรื่องธุรกิจก็ให้เขาทำ เขาไม่ได้บังคับว่าเราต้องไปช่วยเขาทำงาน หรือว่าต้องอยู่เป็นแม่บ้านอะไรแบบนั้น เราต่างคนต่างทำงานที่เราถนัด ถ้ามีอะไรเราก็คอยซัพพอร์ตกัน เรา ไม่เคยกดดันหรือบังคับกันมาตั้งแต่แรกที่เราคบกันแล้วค่ะ"
แฟนๆ รอฟังข่าวดีเรื่องทายาท?
"ยังไม่มีเลยค่ะ เอาจริงๆ ครอบครัวเราเขาก็อยากอุ้มหลานกัน คุณสามีเองช่วงแรกๆ ที่แต่งงาน ก็บอกว่าเขาอยากมีลูก แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มา ลูกอาจจะยังไม่พร้อม (หัวเราะ) พอตอนนี้พั้นช์กลับมาทำงานก็เลยโฟกัสที่การทำงานก่อน เรื่องลูกค่อยว่ากัน สามีตอนนี้ก็เริ่มชินแล้ว เริ่มไม่อ้อนว่าอยากมีแล้วค่ะ เขาเข้าใจ (หัวเราะ)
เรียกว่าเป็นการกลับมาที่ควรค่าแก่การรอคอยจริง ๆ ยังไงแฟนเพลงของผู้หญิงตาดำๆ คนนี้ก็อย่าลืมส่งแรงเชียร์ให้สาวพั้นช์มีงานเพลงออกมาให้ฟังกันเรื่อยๆ นะคะ
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ