ครอบครัวตกใจ เด็กชาย ป.4 ไม่ยอมไปโรงเรียนทั้งสัปดาห์ บอกถูกครูตี บิดหู ขว้างหนังสือใส่

นักเรียนชาย ป.4 ไม่ไปโรงเรียน 5 วัน กลัวครูตี บิดหู และขว้างหนังสือใส่ หลังไม่ทำการบ้านภาษาไทย  แม้ ผอ.จะมาตามถึงบ้านก็ไม่ไป ขอย้ายไปเรียนที่อื่น 

วันนี้ (23 ส.ค.2562) ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจาก นางจันทรา อายุ 38 ปี  ซึ่งเป็นป้าของเด็กนักเรียนชาย อายุ 10 ปี ชั้น ป.4 รายหนึ่ง ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนประจำ จ.สุรินทร์ ว่า หลานชายถูกครู ใช้มือตีที่หลัง ทำโทษ บิดหู และยังขว้างหนังสือใส่ และมีพฤติกรรมแบบนี้หลายครั้ง จนทำให้หลานชายไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะกลัวครูตี

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 42 หมู่ 11 ต.กาเกาะ อ.เมือง จ.สุรินทร์โดย เป็นบ้านปูนหลังเล็กปลูกอยู่ติดกับยุ้งฉางข้าวร้าง จนทราบว่าเด็กชายคนดังกล่าว คือ น้องก้อง อายุ 10 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.4 นั่งอยู่ภายในบ้าน ด้วยอาการเซื่องซึม  

นางเขียน อายุ 65 ปี ยายของน้องก้อง บอกว่า ยายได้เรียกน้องก้องออกมาสอบถาม จึงได้ทราบว่า ครูที่ตีและขว้างหนังสือใส่ที่โรงเรียนนั้นเป็นครูสอนภาษาไทย น้องก้องได้เล่าต่อว่า ที่โดนครูทำโทษเพราะไม่ได้ทำการบ้านมาส่ง จึงถูกครูบิดหูบ้าง ตีเข้าที่หลังบ้างหรือก็ขว้างหนังสือใส่บ้าง และทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง น้องก้องยังบอกอีกว่า ถ้าครูคนนี้อยู่น้องไม่กล้าไปโรงเรียนอีก ถ้าไม่มีการดำเนินการ ยายกับป้าจะทำเรื่องย้ายน้องไปเรียนที่อื่นแทน

นางเขียน ผู้เป็นยาย เล่าว่า วันนั้นได้ไปรับหลาน เห็นครูสอนคนดังกล่าว กระซิบกับกลุ่มเพื่อนๆ นักเรียนของน้องก้อง ไม่ทราบว่าอะไร  ยายจึงเข้าไปถามกับเพื่อนๆ ของน้องก้องจึงทราบว่าน้องก้องถูกครู บิดหู ใช้มือตีทางด้านหลังและยังขว้างหนังสือใส่น้องก้องอีก  พอตนทราบจึงเข้าไปถามครูผู้สอน ได้รับคำตอบว่าน้องก้องนั้นดื้อ ไม่ยอมทำการบ้านมาส่ง ผู้เป็นยายจึงไม่พูดอะไรมาก พาน้องกลับบ้าน และต่อมาน้องก็ไม่ยอมไปโรงเรียนอีกเลย นี่เข้าวันที่ 5 แล้วที่ไม่ยอมไปโรงเรียน ถามน้องก็บอกอย่างเดียวว่า ไม่อยากไปโรงเรียนกลัวถูกครูตีอีก ถ้ายายย้ายให้ไปเรียนที่อื่นเต็มใจที่จะไปเรียน แต่ถ้าให้ไปโรงเรียนนี้ ก็จะไม่ไปเรียนอย่างแน่นอน

และเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2562 ที่ผ่านมา ได้มีนางสิริวิมล  ผอ.โรงเรียน เดินทางมาที่บ้านพร้อมกับกล่าวขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยังไงก็ขอให้น้องไปโรงเรียนและไปคุยกันที่โรงเรียน นางสิริวิมล ยังกล่าวด้วยว่า จากปัญหานี้ได้เรียกครู มาพูดคุยแล้ว และจะเดินทางไปพูดคุยกับญาติของเด็กนักเรียนอีกครั้งพร้อมครู เพื่อให้ครูและเด็กพร้อมกับญาติของน้องก้องได้พูดคุยกันปรับความเข้าใจกันอีกด้วย