เปิดผลชันสูตร แจ็คสัน กระเพาะมีแต่ยา
เผยผลการชันสูตรรั่ว ไมเคิล แจ็คสัน ผมร่วงหมดศีรษะ ผอมเหมือนโครงกระดูก กระเพาะมีแต่ยา ด้านทนายของแพทย์ประจำตัวของ แจ็คสัน อ้าง ตอนที่พบครั้งแรกยังมีชีพจรและตัวยังอุ่น
(29มิ.ย.) เว็บไซท์แท็บลอยด์ เดอะซัน ของอังกฤษ ได้รายงานผลการชันสูตรศพของไมเคิล แจ็คสัน ยอดนักร้องซูเปอร์สตาร์ เจ้าของฉายา " ราชาเพลงป๊อป " ที่น่าตกตะลึง " ว่า ในช่วงวันท้ายๆ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น เขามีร่างกายที่ซูบผอมเหมือนกับโครงกระดูก และแทบจะไม่แตะต้องอาหารเลย เนื่องจากในช่วงที่เขาเสียชีวิต ในกระเพาะอาหารของเขามีแต่ยาเท่านั้น นอกจากนี้สะโพกต้นขาและหัวไหล่ ยังพรุนไปด้วยรอยเข็มฉีดยา ที่เชื่อว่าจะผลมาจากการฉีดยาแก้ปวด ที่มากถึงวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันยาวนานหลายปีแล้ว และยังพบร่องรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดจำนวนมากที่น่าจะเป็นเพราะผ่านการทำ ศัลยกรรมเสริมความงามอย่างน้อย 13 ครั้ง
ผู้เชี่ยวชาญยังพบว่า ร่างกายที่เคยปราดเปรียบกระฉับกระเฉงปราดเปรียวราวกับนักกีฬาเวลาอยู่บนเวที ด้วยความสูง 175 เซ็นติเมตรของเขา ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ในระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของเขา ในลอส แองเจลีส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นทราบกันดีว่า แจ็คสัน เป็นโรคกลัวอ้วนขั้นอาการหนัก เขารับประทานอาหารเพียงวันละมื้อ นักพยาธิวิทยา พลว่า ในกระเพาะอาหารอันว่างเปล่าในร่างกายที่ซูบผอมของเขา มีเพียงเม็ดยาที่ตกค้าง ที่คาดว่าเขาจะรับประทานเข้าไปก่อนจะฉีดยาแก้ปวดที่ทำให้หัวใจของเขาหยุด เต้น และได้มีการส่งตัวอย่างยาไปตรวจหาสาพิษแล้ว
ผลการชันสูตรศพยังพบว่า แจ็คสันยัง ไม่เหลือเส้นผมที่เคยหยิกฟูในอดีตอีกแล้วด้วย เขายังคงสวมวิกตอนที่เสียชีวิต และนักพยาธิวิทยาระบุว่า ผมที่ปกคลุมหนังศีรษะของเขา ไม่ต่างจากขนที่ปกคลุมลูกพีช ที่น่าตกใจก็คือ รอยแผลเป็นบริเวณศีรษะเหนือหูซ้ายทำให้ผิวหนังส่วนนั้นเตียนโล่ง ที่น่าจะเป็นผลมาจากอุบัติเหตุเมื่อปี 2527 จากการที่ผมของของเขาถูกไฟไหม้ตอนที่ถ่ายโฆษณาเป๊ปซี่
นอกจากนี้ยังพบว่า กระดูกซี่โครงของเขาหักหลายซี่ ที่น่าจะมาจากการพยายามกู้ชีพด้วยการปั๊มหัวใจที่บริเวณหน้าอก หลังจากเขาหมดสติและหัวใจหยุดเต้น พบร่องรอยการฉีดยา 4 เข็มเหนือหรือใกล้กับหัวใจ ที่เป็นผลมาจากความพยายามจะทำให้อะดรีนาลีน เข้าไปกระตุ้นหัวใจโดย 3 เข็มแรก แทงทะลุเข้าไปสู่ผนังหัวใจ ทำให้เกิดความเสียหาย ส่วนเข็มที่ 4 แทงพลาด ไปโดนเอาซี่โครงซี่หนึ่งของซูเปอร์สตาร์วัย 50 ปี
การชันสูตรศพ ยังพบร่อยรอยบาดเจ็บที่ไม่สามารถอธิบายได้ที่เข่าทั้งสองข้างของแจ็คสัน และที่หน้าแข้งทั้งสองข้าง และยังมีบาดแผลที่หลัง ที่น่าจะเกิดจากล้มเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาของเขาก็เสียหายยับเยินจากพิษของการทำ ศัลยกรรมพลาสติก ดั้งจมูกหายไป และเนื้อส่วนขวาก็ยุบหายไปด้วย ในการสืบสวนไปสู่โศกนาฎกรรมการเสียชีวิตของแจ็คสัน ที่มุ่งเน้นไปที่ ดร.คอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวของเขานั้น แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ แจ็คสัน ระบุว่า ครอบครัวและแฟน ๆ ของแจ็คสันจะต้องตกใจ เมื่อได้ตระหนักถึงสภาพความเป็นจริงที่แจ็คสันเผชิญ อยู่ เขามีแต่หนังหุ้มกระดูก ผมของเขาร่วงจนหมด และไม่ยอมกินอะไรนอกจากยา ตอนที่เขาเสียชีวิต ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยรอยเข็มฉีดยา และสภาพความเสียโฉมที่เกิดจากการทำศัลยกรรมพลาสติก ที่แสดงว่าเขาเข้าสู่ช่วงบั้นปลายของชีวิตมาหลายปีแล้ว
คนใกล้ชิดของแจ็คสัน เชื่อว่า จะต้องมีคนที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ คนที่สอพลออยู่รอบตัวเขา ในขณะที่เขาทำลายตัวเองไปด้วย ส่วน ดร.เมอร์เรย์ ก็ยังอยู่ในข่ายที่ถูกเชื่อว่าจะเป็นคนให้ยาฉีดแก้ปวดเดเมอรอลแก่แจ็คสัน จนวาระสุดท้ายของเขา ส่วนความเสียหายที่พบบนศพแจ็คสัน อาจมีสาเหตุมาจากตอนที่ใส่หน้ากากอ๊อกซิเจน หรือการสอดท่อในช่วงความพยายามจะกู้ชีพเขา แต่ความจริงที่พบอีกอย่างหนึ่งก็คือ อาการป่วยด้วยโรคมะเร็งผิวหนังของเขานั้นดีขึ้น
ดร.เมอร์เรย์ ได้รับการวาจ้างจาก AEG ไลฟ์ โปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ต ให้มาดูแลแจ็คสันได้ เพียง11 วันเท่านั้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแสดงคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่ที่สนามกีฬา โอทู ในกรุงลอนดอน ที่กำหนดจะมีขึ้นในเดือนหน้า แหล่งข่าวระบุว่า ครอบครัวแจ็คสันเตรียมจะฟ้องเขาเป็นเงินหลายล้านดอลล่าร์ ในการตรวจค้นของตำรวจ ยังพบใบสั่งยาให้ผู้ป่วยอีกหลายคนนอกจากแจ็คสันที่บ้านของ ดร.เมอร์เรย์ ซึ่งจะต้องเรียกตัวผู้ป่วยเหล่านี้มาสอบปากคำเช่นกัน
ด้านเอ็ดเวิร์ด เชอร์นอฟฟ์ ทนายของ ดร.คอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวของไมเคิล แจ็คสัน เจ้าของฉายา " ราชาเพลงป๊อป " ผู้เสียชีวิตอย่างกระทันหัน เปิดต่อสำนักข่าว APว่า ชีพจรของยอดนักร้องซูเปอร์สตาร์ยังเต้น และร่างกายของเขายังอุ่น ตอนที่แพทย์พบเขาบนเตียงในสภาพไม่หายใจแล้ว เขายืนยันว่า ดร.เมอร์เรย์ไม่เคยสั่งยาเดเมอรอล หรือ อ๊อกซี่คอนติน ให้แจ็คสัน และปฏิเสธรายงานที่ว่า ดร.เมอร์เรย์จ่ายยาที่มีฤทธิ์แก้ปวดที่นำไปสู่การเสียชีวิตของแจ็คสัน
ดร.เมอร์เรย์ ได้อยู่ที่คฤหาสน์ที่แจ็คสันเช่าไว้พักอาศัยเมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี ตอนที่เขาพบแจ็คสันนอนอยู่บนเตียง และไม่หายใจ และเขาได้เริ่มการช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการทำ CPR ในขณะที่ร่างกายของแจ็คสันยังอุ่นอยู่และชีพจรยังเต้น ส่วนการเรียกแพทย์หน่วยฉุกเฉิน 911 ไปยังคฤหาสน์ของแจ็คสัน ก็เป็นไปในช่วงที่ ดร.เมอร์เรย์ยังทำ CPR ให้เขาและทีมแพทย์ใช้เวลา 45 นาที ในความพยายามกู้ชีพแจ็คสัน แต่ในที่สุดศูนย์การแพทย์ UCLAก็ประกาศว่าเขาเสียชีวิตแล้ว
คนที่ใกล้ชิดกับแจ็คสัน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกวิตกมานานแล้วเรื่องการใช้ยาแก้ปวดแจ็คสัน ขณะที่สำนักงานชันสูตรศพ ลอส แองเจลีส เคาน์ตี้ ได้เสร็จสิ้นการชันสูตรศพเมื่อวันศุกร์และระบุว่า แจ็คสันใช้ ยาตามใบสั่งแพทย์ที่ไม่เปิดเผย ดร.เมอร์เรย์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบปากคำนาน 3 ชั่วโมง เมื่อวันเสาร์ ที่โฆษกของเขาอ้างว่า เขาเป็นแค่พยานในโศกนาฎกรรม ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย และตำรวจระบุว่า เขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หนังสือพิมพ์ ลอส แองเจลีส ไทม์ส รายงานว่า ครอบครัวแจ็คสันได้ว่าจ้างนักพยาธิวิทยามาชันสูตรเขาด้วย และได้เสร็จสิ้นการชันสูตรเมื่อวันเสาร์ ซึ่งการชันสูตรศพครั้งที่ 2 จะช่วยให้ครอบครัวของแจ็คสันได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขาเกือบจะทันที รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับหัวใจ สมองหรือโรคปอด หรือแม้แต่รอยถูกเข็มฉีดยาแทง