"เมฆ วินัย" ควงภรรยาเปิดใจทั้งน้ำตา อัปเดตอาการหลังหายป่วยโรคตุ่มน้ำพอง
เรียกว่าได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม สำหรับ เมฆ-วินัย ไกรบุตร ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวป่วยด้วยโรคตุ่มน้ำพอง และมีอาการกำเริบ ซึ่งเป็นโรคหายากมากเพียง 1 ใน 4 แสนคน และในคนไทยก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ป่วยเป็นโรคนี้ ล่าสุด พี่เมฆ ได้ควงแขนภรรยาและลูกๆ มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร พร้อมทั้งเผยอาการป่วยตอนนี้หาย 70 เปอร์เซ็นแล้ว
พี่ดูดีขึ้นมากเลย?
เมฆ : "ถ้าออกจากโรงพยาบาลน่าจะดีขึ้น แต่ยังบวมยาอยู่ "
หลายคนก็สงสัยว่าตุ่มน้ำพองมันมาได้ยังไง?
เมฆ : "พูดตรงๆ ตอนนี้ยังไม่มีสาเหตุ แต่ผมคิดว่ามันน่าจะมีสาเหตุเพราะหมอก็ยังคลำไม่เจอ หาไม่เจอ อาจจะไม่สามารถฟันธงได้ว่ามันมาจากอะไรกันแน่ ตอนแรกมันคันที่มือ หลังจากนั้นก็ไปหาหมอ หามาเป็น 10 หมอ ปัญหาก็คือภายใน 1 เดือนตอนนั้นนอนไม่หลับเลย 4 ทุ่มปุ๊บพอตี 2 มันก็จะอัตโนมัติว่ามันจะคันมาก คันจนเลือดไหล ด้วยความที่เรารำคาญตัวเองเราก็เอานิ้วขูด"
ตอนนั้นหมอบอกไม่ได้ว่าเป็นโรคอะไร แล้วพี่คิดว่าเป็นโรคอะไร?
เมฆ : "ไม่รู้ไง ปัญหาคือมันไม่รู้ ตอนนั้นยืนอยู่หน้ากระจก ตาดำหมดเลย นอนวันละ 1-2 ชั่วโมง ที่นอนได้ เพราะว่าร่างกายมันน็อค น้ำหนักลงเหลือ 65-66 กิโลกรัม แล้วก็มีความรู้สึกว่ามันคืออะไร ทำไมไม่มีใครบอกเราได้ ชีวิตมันถึงทางตันหรือเปล่า ซึ่งถ้าเราไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่าเราเป็นโรคนี้ต้องไปรักษาเราไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือไม่มีใครบอกเราได้"
พอมารู้ก็เป็นโรคที่ไม่เคยได้ยินอีก?
เมฆ : "ไม่เคยครับ จนสุดท้ายมันขึ้นเป็นตุ่มอีก สุดท้ายไปรักษาหมอแผนโบราณก็กินยาเขียว กินนู้น กินนี่ ที่นี้พุ่งขึ้นมาเต็มแขนเลย แล้ว 4 วันแรกที่ไปนอนโรงพยาบาลใกล้บ้าน คันนอนไม่หลับมันขึ้นทั้งตัว น้ำเหลืองเต็มแก้วน้ำดื่ม แฟนเป็นคนดูดทางพยาบาลมาช่วยกันดูดสองคน ตอนนั้นผมก็มีคุยกับ นพ.ประวิตร อัสวานนท์ จนสุดท้ายส่งภาพให้แกดูแกบอกว่า มาหาผมที่โรงพยาบาลจุฬาฯ มียา ผมคิดว่าเป็นโรคตัวนี้ๆ สุดท้ายผมก็เลยไป โรงพยาบาลจุฬาฯ"
แล้วเป็นยังไงครับ?
เมฆ : "ก็ตามที่หมอพูดเป็นโรคเพมพิกอยด์ (Pemphigus) ถ้าเป็นภาษาไทยก็ตุ่มน้ำพอง หมอเขาบอกว่าโรคนี้หายได้ ไม่ใช่โรคใหญ่อะไร แต่คนที่เป็นจะรำคาญจะวิตก จะกลัวมาก เพราะมันขึ้นเต็มตัว น่ากลัวมากครับ"
แล้ววิธีการที่จะทำให้มันหายในการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันทำยังไงคะ?
เมฆ : "แผนปัจจุบันผมคิดว่าเข้าจะใช้วิธีกินยาเขียวหรือยากระทุ้ง คนสมัยก่อนเนี่ยกินยาให้มันระเบิดหมดเลย ให้มันระเบิดทั้งตัวเลย แล้วก็นอนเอาใบตองรอง แล้วก็กินยาทุกวัน เลือกกินอาหาร ไม่กินอาหารแสลง ที่นี้ผมคิดว่าวิธีการของโบราณเนี่ยมันใช้เวลานานแต่หายนะ แล้วค่ารักษาก็ไม่แพงด้วย อันนี้ผมเห็นด้วยมันเป็นธรรมชาติ"
ผมว่าตอนนั้นพี่เครียดอยู่แล้ว แต่พี่เอ๋คนข้างๆ เนี่ยเครียดขนาดไหน?
เอ๋ : "ตอนนั้นไม่รู้สาเหตุมันก็เครียดมากอยู่แล้ว คือกลัวอย่างเดียวคือเป็นโรคประหลาด เพราะว่าหมอสิบกว่าคนไม่รู้ ตัวเราเองไม่ใช่หมอเราก็คิดไปต่างๆ นานาว่าแบบมันจะเป็นยังไง มันจะใช่ไหม ตอนแรกคิดว่าแพ้อะไรชนิดหนึ่ง ซึ่งเราก็อ่านกูเกิ้ลนู้นนี่นั้นเยอะๆ เข้าใจว่าถ้าเป็นภูมิแพ้เยอะๆ สามารถเสียชีวิตได้ขณะหลับ เพราะว่าภูมิแพ้บางชนิดมันกดหลอดลม กลางคืนเราก็ไม่นอน คอยฟังเสียงลมหายใจว่ายังอยู่ไหม เราต้องยายามมีสติเวลาเขาตื่น เพราะว่าเขากลัว กลัวว่านอนแล้วไปเลยอะไรแบบนี้"
แสดงว่าในใจพี่ก็คิดว่าเพราะเราไม่รู้สาเหตุ
เอ๋ : "ณ สองเดือนแรกที่เป็นแล้วไม่รู้มันคือเพมพิกอยด์ เรายอมรับว่ากลัวมาก"
เมฆ : "หมอบอกว่าถ้าเป็นเพมพิกัส มีสิทธิ์ตาย มันคืออีกตัวอหนึ่งแต่มันคล้ายๆ กัน ขึ้นคล้ายๆ กัน แต่เพมพิกัส เน่าทั้งหน้า เน่าทั้งตัว และเหม็นทั้งตัว หมอบอกว่าโชคดีนะ ที่คุณวินัยเป็นเพมพิกอยด์ ถ้าเป็นเพมพิกัสมีสิทธิ์ตายครับ เข้าไปดูได้ในยูทูป พิมพ์เพมพิกัสไปคือเน่าทั้งหน้า วงการก็วงการบันเทิงเถอะเตรียมลาตายลาออกจากวงการได้เลย ถ้าคุณไม่วิตกเหมือนผม ถ้าคุณไม่ผวาเหมือนผม คุณก็ยิ่งกว่าพระแล้วหล่ะ"
ตอนนั้นพี่เมฆบอกว่านอนได้วันละ 1 – 2 ชั่วโมง ก็คือจนกว่าร่างกายจะน็อคแสดงว่าไปโรงพยาบาลนี่เขาเริ่มให้ยานอนหลับ?
เมฆ : "ไปโรงพยาบาลทั้งฉีดสเตียรอยด์ ทั้งกินยาแก้แพ้ เขาฉีดทั้งวันทั้งคืน มันก็หลับได้เพราะมันเมายา แต่ว่ามีวามสุขมาก ตื่นมารู้สึกว่ามาถูกที่ ได้หลับล่ะ"
เอ๋ : "เพราะสองเดือนกว่าไม่ได้พักไงพี่ พอมาอยู่โรงพยาบาลมันเหมือนว่ามันได้พักเต็มที่ เหมือนกับความทรมานที่มันสะสมาได้คลี่คลายลง"
เจอจุดพักสักที แต่เหมือนกับว่าก็ยังทรมานอยู่?
เมฆ : "ทรมานครับ ตีสองมันมา แต่พอเราอยู่โรงพยาบาลพอเราคันปั๊บเราเรียกพยาบาลแล้วฉีดทันทีเลย ไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน ตอนนี้เราอุ่นใจแล้วเราอยู่โรงพยาบาลคันแล้วฉีดๆ ตอนอาบน้ำเราใช้นำเกลืออาบ ต้องนับเลข 1 2 3 พอราดเราก็ร้อง อ๊ากเหมือนผีเข้า มันคือแผลทั้งตัว จะบอกให้มาเช็ดทีละอันไม่ได้ เพราะมันใช้เวลานาน"
พี่เมฆเคยทรมานมากๆ จนเคยถอดใจไหม?
เมฆ : "ไม่รู้ว่าถอดใจไม่ถอดใจ ปัญหาก็คือว่าพอคันมากๆ เหมือนมันตกนรก เราก็สงสัยว่าอาจจะไม่รอด ไม่ได้คิดฆ่าตัวตายนะ แต่คิดว่าถ้าไม่รอดทำยังไง ต้องวางแผนต่อ ถ้ามันไม่หาย ต้องทำยังไง คิดหลายวันมากตอนที่อยู่โรงพยาบาล ตอนนั้นโทรไปหาเอ๋ บอกว่าเตรีมไปขายที่ดินที่เชียงใหม่นะ ที่กระบี่ เพราะมันต้องมีค่าใช้จ่าย มันเป็นตอนที่คิดอะไรไม่ออก ต้องดึงสติวางแผน เราต้องทำยังไง เราต้องหาวิธีให้ลูก-เมีย เพราะสภาพนี้ไม่น่าจะรอด"
แต่เอาจริงๆ พี่เอ๋ ก็แอบร้องไห้อยู่?
เอ๋ : "คือช่วงที่พี่เมฆแอดมิทคือช่วง 30 พฤษภาคม ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ลูกทั้งสองคนก็แอดมิท แล้วอยู่กันคนละโรงพยาบาล ตอนนั้นมันเหมือนน้ำเต็มแก้วแล้วล้น เราก็ไม่รู้ว่าเราจะหาทางออกยังไง แต่เรารู้เราต้องเข้มแข็งก่อน เพราะว่าครอบครัวจะอยู่ได้ก็ต้องมีใครสักคนที่เข้มเข็ง เราก็ใช้วิธีไปร้องไห้กับแม่"
แต่ก็ไม่เคยให้พี่เมฆเห็น?
เอ๋ : "ไม่เคย"
แล้วพี่เมฆทราบได้ยังไง?
เมฆ : "แม่ยายบอก เขาก็คงสงสารลูกเขา เห็นลูกเหนื่อย ลูกลำบาก เห็นสภาพผมเม็ดเต็มตัว แต่แม่ผม ผมไม่บอกนะ พอแม่วิดีโอคอลไลน์มาผมเอาผ้าห่มคลุมตัวเลย เหลือแค่หน้าตอนนั้นหน้ายังไม่เป็นเม็ด ก็บอกแม่สบายดีมาเฝ้าลูกที่โรงพยาบาล แต่จริงๆ คือนอนแอดมิทด้วยกันสามคน ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นข่าวเขาก็ไม่รู้ จนมาโรงพยาบาลเขาถึงรู้ เปิดประตูมาเห็นเป็นเม็ดเต็มตัว เขานั่งช็อกอยู่ 2 ชั่วโมง ไม่คุยกับใครเลย เขารับไม่ได้ ก็รู้อยู่แล้วเขารับไม่ได้ เลยไม่อยากบอก"
พี่เอ๋ เอากำลังใจมากจากไหนครับ ในขณะที่ต้องดูแลลูกด้วย แล้วอยู่ดีๆ พี่เมฆก็มาบอกให้ขายที่?
เอ๋ : "เอ๋เคยคุยกับพี่เมฆว่า ใครคนใดคนหนึ่งกำลังอ่อนแออีกคนหนึ่งต้องเข้มแข็ง แล้วพอเรารู้แล้วว่าวันนี้เขาอ่อนแอทั้งจิตใจทั้งร่างกายทั้งสภาพแวดล้อม เราก็เลยต้องพยายามมให้เข้มแข็ง"
แล้วข้างในเข้มแข็งไหม?
เอ๋ : "มันก็ไม่หรอก มันขึ้นไม่ว่าใครมันก็ต้องอ่อนแออยู่แล้ว แต่ว่าเราต้องยินให้ได้"
เห็นพี่เอ๋ ส่งกำลังใจ โดยการไม่ทิ้งห่างพี่เมฆเลย ถึงแม้ขณะนอนอยู่ที่ โรงพยาบาล แผลพี่เมฆเต็มตัวเลย พี่เอ๋ก็ขึ้นไปนอนบนเตียงกับพี่เมฆ รู้เลยว่าไม่ว่ายังไงก็รักหมดหัวใจ?
เมฆ : "ไม่หรอกเขาก็เหมือนพยายามปลอบใจ พยายามจะเข้ามานอนกอดเรา เราก็รู้นะว่าเขาจะกอด ลูกก็เหมือนกัน แต่บอกเขาค่อยๆ กอดนะ"
คือมันเจ็บเลย?
เมฆ : "แผลเต็มตัวเลย คือถ้ากอดก็ค่อยๆ นะ ลูกเหมือนกันบ้างทีเขาไม่เข้าใจว่ากอดแล้วเจ็บ แผลมันฉีก ต้องระวังมาก ลูกสาวลูกชายเคยกอดทุกวัน ก็สงสารลูก ลูกจะคิดยังไง รู้สึกแย่มาก คนจะกอดแล้วมันกอดไม่ได้ คนมันเครียดอยู่ พอคนจะมากอดก็อยากให้กอดแต่มันเจ็บ"
แล้วตอนนั้นคุยกับลูกยังไงให้เข้าใจว่าเจ็บ?
เมฆ : "ก็บอกลูกว่า ปะป๊าไม่สบาย ปะป๊าเป็นแผลมันเจ็บ อย่าเพิ่งกอดนะ ไว้ปะป๊าหายค่อยกอดนะ ช่วงนี้อย่าเพิ่งนะ มันเจ็บจริงๆ"
แล้วเวลาเด็กๆ เห็นแผลของพี่เมฆ เด็กๆ ว่ายังไงบ้างคะ?
เมฆ : "จริงๆ ไม่กล้าถามเลยนะ เขาก็มายืนมองที่กระจก ไม่รู้จะถามยังไงดี เขาก็ช่วยกันสองคนเอาลำสีชุบยามาแปะๆ ตามแผล ทั้งตัวผมเลย ลูกๆ ก็ไม่ได้รังเกียจนะ ค่ารักษาก็เกือบล้าน ตอนนี้อาการประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว"
มีหมอดู หมอผี แนะนำมาเยอะเลย แต่ส่วนใหญ่เขาจะบอกว่าโรคกรรม?
เมฆ : "ครับ เขาบอกโรคกรรม ต้องบวช 9 วัน คุณต้องไปขอขมาตรงโน่น ตรงนี้ คุณเป็นพม่า คุณฆ่ากษัตริย์ไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่โทรมา คนที่เมนต์มา ผมคิดว่าเขาหวังดีพยายามให้ผมหาย แต่ผมทำอะไรไม่ได้ตอนนั้นผมอยู่โรงพยาบาลจะให้ผมไปบวชก็ไม่ได้ จะให้ผมไปทำอะไรข้างนอกไม่ได้เลย แต่มีอยู่สายหนึ่งเขาโทรศัพท์มา พอรับปั๊บเขาบอกว่า คุณต้องไปหาถ่านหุงข้าวบดให้ละเอียด แล้วฉี่ใส่แล้วดื่มเข้าไปแล้วทาเข้าแผล หายแน่นอน เชื่อฉัน ผมถามว่าคุณทำมาแล้วใช่ไหม ใช่ฉันทำมาแล้วกับหมา กับแมว มันหายจริงๆ ผมก็อึ้งไปพักหนึ่ง"
แต่ก็มีบางคนบอกว่านี่คืออาถรรพ์ของย่านาค?
เมฆ : "มากกว่าย่านาคก็มี นี่ชื่อที่ผมไปเปลี่ยนมาเขาบอกว่าไม่ดี ต้องไปจุดธูปเนี่ยเมียก็ไปทำ พอมีคนทักเรื่องย่านาคเมียก็ไปไหว้ย่านาค คือใครทักมาก็ทำทุกอย่างที่ทำได้"
ติดตามรายการคุยแซ่บ Show ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.35-14.35 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
>>"วินัย ไกรบุตร" กำลังใจเกินร้อย ออกมาเจอสื่ออีกครั้ง หลังป่วยหนักโรคตุ่มน้ำพอง
>>"หนุ่ม คงกะพัน" เช็ดแผลตุ่มน้ำพองให้ "วินัย ไกรบุตร" พร้อมอัปเดตอาการ
>>"วินัย ไกรบุตร" เจ็บแค่ไหนพ่อทนได้ ขอบคุณลูกที่ไม่รังเกียจ วันนี้พ่อกอดหนูได้แล้ว
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ