ค้นเบื้องลึก ราชินีดอกหญ้า "ต่าย อรทัย" เปิดเรื่องรักที่ทุกคนอยากรู้

นับเป็นศิลปินลูกทุ่งหญิงที่ทรงคุณค่าของเมืองไทยอีกหนึ่งคน สำหรับ ต่าย-อรทัย ดาบคำ สาวดอกหญ้าที่ใช้ตัวตนแสนเรียบง่ายบอกเล่าเรื่องราวผ่านบทเพลงแทนใจสาวบ้านนา จนสร้างปรากฏการณ์ยอดขายทะลุล้านตลับ 3 อัลบั้มรวด และด้วยผลงานคุณภาพ ส่งผลให้เธอกลายเป็น "ราชินีดอกหญ้า" ซูเปอร์สตาร์ลูกทุ่งหญิงของเมืองไทย แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลง เพลงลูกทุ่งถูกนำเสนอในรูปแบบที่ต่างออกไปแต่ ต่าย อรทัย ยังคงปรับตัว สร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งข้ามสายงานมารับละครเป็นครั้งแรกในปี 2561 และล่าสุดต่าย อรทัย กำลังกลับมามีผลงานละครอีกครั้งในละครเรื่อง  "มงกุฎดอกหญ้า" ทางช่องวัน31 งานนี้เลยพลาดไม่ได้ต้องขอคิวอันแน่นเอี้ยดของสาวต่ายมานั่งจับเข่าเปิดใจถึงเส้นทางชีวิต พร้อมค้นความลับเรื่องหัวใจที่ไม่มีใครรู้มาก่อน

กลับมามีละครให้แฟนๆได้ชมกันอีกครั้ง เป็นยังไงบ้าง?

“ละครเรื่อง มงกุฎดอกหญ้า ก็เป็นอีกเรื่องที่ผู้ใหญ่ไว้วางใจให้ต่ายกลับมาแสดง หลังจากมีละครเรื่องล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว กลับมาคราวนี้ก็ต้องเคาะสนิมอีกรอบ เพราะต่ายเพิ่งรับละครแบบเป็นเรื่องเป็นราวเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง ซึ่งละครถือว่าเป็นเรื่องท้าทายมากสำหรับต่าย รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ผู้ใหญ่ยังคงนึกถึง จริงๆ เมื่อก่อนไม่คิดว่าจะทำได้แต่ก็ทลายกำแพงตัวเองออกมาจากเรื่องแรกจนถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าเราไม่มีกำแพงอะไรอีกแล้ว”

 16 ปี ในวงการเพลง เกิดความเปลี่ยนแปลงกับชีวิต "สาวดอกหญ้า" คนนี้ยังไงบ้าง?

“ถ้าพูดถึงความเปลี่ยนแปลง ชีวิตต่ายเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตัดสินใจจากบ้านนอกเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ แล้วค่ะ จากตอนที่เราไม่รู้ว่าเราต้องคิดยังไง ต้องต่อสู้ชีวิตยังไง ไม่รู้ว่าความรู้ที่เรามีเรารู้มากแค่ไหน หรือว่าเราเก่งแค่ไหน สิ่งที่เรามีมา คือ วุฒิ ม. 6 ซึ่งเราไม่รู้เลยว่ามันแน่นพอที่จะพาเราดำเนินชีวิตได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่มีตอนนั้นคือการร้องเพลง ซึ่งเป็นตัวนำพาให้ต่ายมาถึงวันนี้ค่ะ”

 

 

ต่าย อรทัย

 

 

 วันที่เราต้องเลือกระหว่าง การเรียน กับ ทำงาน ตอนนั้นปัจจัยหลักในการตัดสินใจคืออะไร?

“ต่ายเองก็เหมือนเด็กทุกๆ คน ที่อยากเรียนตามหลักสูตร แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ทำให้เราต้องเลือกทางเดินของเราตั้งแต่ตอนนั้น  ซึ่งบอกตรงๆว่าในวัยนั้น การตัดสินใจของเด็กคนนึง ถ้าเลือกผิดหลายๆอย่างก็อาจจะพังเหมือนกัน แต่จริงๆ ต่ายอยากบอกว่า การตัดสินใจเลือกทางเดินของเรา มันไม่ใช่เรื่องผิดหรอกค่ะ อย่ากลัวจนเกินไป ให้คิดซะว่าถ้าเราไม่ประสบความสำเร็จในทางที่เราเลือก เราก็จะได้รู้ว่าทางนี้มันไม่โอเคนะ  เพราะชีวิตคนตราบใดที่เราไม่เกิดอุบัติเหตุจนตายแบบกะทันหัน ชีวิตเรายังไปได้อีกไกลเลย อยากให้ทุกคนมุ่งมั่นและตั้งใจถ้ามีสิ่งที่เรารู้สึกว่าเราอยากทำมันเหลือเกิน ก็ทำเลย เราจะได้รู้ว่ามันดีหรือไม่ดี แล้วเราควรไปทางไหนต่อ ถ้าเรามองดีๆ ไม่เอาเรื่องวุฒิการศึกษาหรือสถาบันมาเป็นจุดตั้ง เราจะพบว่าถึงเราไม่ได้เรียนตามหลักสูตรแต่เราเรียนรู้ทุกวัน เพราะสนามชีวิตจริงๆ คือโรงเรียนที่ใหญ่มากสำหรับเรา เราต้องเรียนรู้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเราด้วยซ้ำ" 

ถ้าย้อนกลับไปได้ อยากกลับไปแก้ไขการตัดสินใจในจุดไหนของเราหรือเปล่า?

“ก็มีบางจุดนะคะที่อยากกลับไปแก้ไข แต่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่สู้มาถึงวันนี้ต่ายก็ว่าต่ายภูมิใจแล้ว วันนี้เราได้เป็นนักร้องเราก็พยายามมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองให้ดีสมกับได้รับโอกาสมาแล้ว  ตอนนี้ก็ถือว่าอิ่มและสมบูรณ์แล้ว ส่วนจุดที่อยากกลับไปแก้ไขคือ เมื่อก่อนมีผู้ใหญ่หลายท่านบอกว่าให้ร้องเพลงไว้เยอะๆ สัก 40-50 เพลง หลังจากนั้นอยากทำอะไรค่อยทำ จนมาถึงวันนี้ เรามาเกิดคำถามว่า จริงเหรอ? ตอนนี้เหมือนเราเพิ่งมามองสิ่งที่เราฝัน และเพิ่งจะลงมือทำ ในวันที่เราไม่ค่อยมีแรงแล้ว เราหมดไฟแล้ว เพราะเรื่องบางเรื่องต้องใช้ไฟ บางอย่างต้องใช้แรง  เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ว่าเราอยากทำอะไรจงลงมือทำตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ บางทีเราเห็นคนที่เขาสำเร็จได้ตั้งแต่อายุ 20กว่าๆ เรายังอิจฉาเขาเลย"

 

 ต่าย อรทัย และแฟนเพลง

 

จากชื่อเสียงที่เคยโด่งดังมาก จนมาถึงวันที่กระแสซาลง เรารู้สึกหวิวๆ ใจบ้างไหม?

“ต่ายเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถามว่ารู้สึกใจหายบ้างไหมก็อาจจะมีช่วงทีเราออกเพลงมาได้ประมาณ 4-5 อัลบั้ม  ตอนนั้นโซเชียลยังไม่มาขนาดนี้ เราก็มีความรู้สึกว่ามันเงียบๆ ปล่อยเพลงแบบเงียบๆ ไม่ใช่ว่าเราจะดังทุกเพลงหรือทุกอัลบั้ม เราก็สัมผัสมาทุกช่วงเวลาแล้ว ไม่ว่าจะช่วงที่กระแสดี หรือ เงียบ หรือแบบกลางๆ เราเรียนรู้ความรู้สึกเหล่านั้นมาเสมอ  เราจึงไม่ได้รู้สึกว่าท้อหรือผิดหวังที่เราไม่ได้การตอบรับที่มากเท่าเดิม ในทางกลับกันมันกลับทำให้เราสู้มากกว่า เพราะเรายังอยู่ในวงการนี้ เรากลับมาคิดว่าเราจะทำยังไงล่ะให้เพลงของเราเป็นที่ยอมรับ ได้รับความนิยม เราก็ต้องเปลี่ยนวิธีการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ เช่น ตอนนี้คนนิยมเทรนด์ดนตรีแบบนี้ แล้วถ้าเป็น ต่าย อรทัย ล่ะ จะนำเสนอความเป็นตัวเองในเทรนด์นี้ได้อย่างไร และเราชื่นชมกับศิลปินใหม่ๆที่แจ้งเกิดขึ้นมา พวกเขาจุดประกายให้เราคิดว่าเขาทำยังไงนะ ที่ทำให้คนเข้ามาดูเขาตั้งเยอะเลยมากกว่า"

ที่บอกว่า ชีวิตตอนนี้รู้สึก "สมบูรณ์" แสดงว่าวางแผนชีวิตหลังเลิกร้องเพลงไว้แล้ว?

“ใช่ค่ะ แต่คงไม่ได้ทิ้งการร้องเพลงไปเลยแบบกะทันหัน  ต่ายจะทำไปจนไม่ไหวค่อยหยุด ในวันนั้น วัน เวลา จะบอกเราเองว่าเราควรหยุดแล้ว และหลังจากนั้นต่ายวางแผนไว้ว่าอยากอยู่แบบธรรมชาติที่สุด มีความฝันอยากทำเกษตรแบบพอเพียง ระหว่างนี้เราก็พยายามทำให้เป็นรูปเป็นร่าง งานเราก็ทำเท่าที่เราไม่เบียดเบียนตัวเอง ตอนนี้ก็พยายามทำสิ่งที่เคยฝันไว้คือ การทำพื้นที่ธรรมชาติที่ยั่งยืนเพื่อรองรับการใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายของเรา ในวันที่เราไม่มีแรงร้องเพลงแล้ว ตอนนี้ก็กำลังปรับพื้นที่ที่ จ.นครนายก เอาต้นไม้มาลง และค่อยๆสร้างพื้นที่ของเราไปเรื่อยๆ"

 

 

ต่าย อรทัย ปรับพื้นที่ จ.นครนายก

 

 คำถามที่มีคนถามตลอด คือ ต่าย อรทัย มีแฟนหรือยัง?

“ยังไม่มีค่ะ ตอนนี้รออย่างเดียว ถ้าอายุเกิน 45 ก็คงเลิกรอ(หัวเราะ) ถ้าเรามองคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเราเขาก็คงมีครอบครัวไปหมดแล้ว จริงๆ เราก็ไม่ได้ปิดใจนะคะ เพียงแต่เราอาจจะไม่เจอใครคนนั้นเพราะด้วยงานเราที่ไม่ได้เจอคนที่จะสานสัมพันธ์ได้ เราอยู่กับคนกลุ่มเดิมๆ"

ด้วยลุค ทำให้คนไม่กล้าเข้ามาจีบหรือเปล่า?

“ทำไมล่ะคะ (หัวเราะ) เราเองก็ไม่ได้กำหนดว่าคนที่เขามาต้องมีคุณสมบัติยังไง ขอแค่มีความเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ มีความคิด และรักเราจริงก็พอ แต่ยังไม่เจอคนนั้นเลย (หัวเราะ)”

ที่ผ่านมาก็มีคนที่ดูใจอยู่บ้าง?

“ก็มีค่ะ แต่สุดท้ายเรารู้สึกว่ายังไม่ใช่  ธรรมชาติคนเราต้องใช้เวลาเรียนรู้กัน แต่พอไม่ใช่เราก็ยอมรับว่าไม่ใช่จริงๆ ก็เลยห่างกันไปเองและถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีจริงๆ เราก็แค่คิดว่าเราจะใช้ชีวิตยังไงให้มีความสุข แต่ถ้ามีก็ถือว่าโชคดีเพราะเราก็คงมีความสุขกับครอบครัวในช่วงบั้นปลายชีวิต แต่ไม่มีก็ได้ค่ะ ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีก 5 ปีนะคะ รีบมาๆ (หัวเราะ)”

 

ต่าย อรทัย

 

 

จากที่ได้พูดคุยกับ ราชินีดอกหญ้า ผู้นี้ ทำให้รู้ว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินที่รักและครองใจแฟนเพลงได้อย่างล้นหลามนั้น แท้จริงคือความจริงใจ และความเรียบง่ายที่แสนมีเสน่ห์ของเธอ ยังไงแฟนๆ อย่าลืมเติมเชื้อไฟให้สาวคนนี้มีแรงสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาสู่วงการเพลงลูกทุ่งตลอดไปนะคะ