โชเฟอร์แท็กซี่คว้าเหล็กฟาด 2 ผู้โดยสาร หลังทะเลาะกันเพราะคนขับพูดเหยียดเพศ
(31 ส.ค.62) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ รายงานว่า ผู้เสียหายจากการถูกคนขับรถแท็กซี่ทำร้ายร่างกาย นำหลักฐานและใบตรวจร่างกาย มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สนวัดพระยาไกร เพิ่มเติม หลังจากเข้าแจ้งความกรณีถูกคนขับแท็กซี่ทำร้ายร่างกาย เมื่อกลางดึกวันที่ 29 ส.ด.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายเล่าว่า ตนเองและแฟนสาวทอม โบกเรียกรถแท็กซี่ช่วง 22.30 น. จากเซ็นทรัลพระราม 9 เพื่อไปซอยเจริญราษฎร์ 7 เมื่อขึ้นรถแท็กซี่ขึ้นทางด่วน คนขับแท็กชี่คุยโทรศัพท์ทางสมอลทอล์กกับบุคคลปลายสาย ด้วยวาจาที่ดูหมิ่นเหยียดหยามเพศที่ 3 ว่าเป็นเรื่องแปลกที่ผู้หญิงอยากเป็นผู้ชาย แต่ไม่น่าเกลียดเท่าผู้ชายอยากเป็นหญิง
ผู้เสียหายจึงถามว่าการเป็นเพศที่ 3 แล้วมันผิดอะไร จากนั้นผู้เสียหายและแท็กซี่ก็โต้เถียงกัน เมื่อใกล้ถึงซอยเจริญราษฎร์ 7 ผู้เสียหายจึ่งบอกให้แท็กซี่จอดส่งหน้าร้านอาหารที่มีคนเยอะๆ แต่แท็กซี่ไม่จอด ขับเลยไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยว ห่างจากปากซอยเจริญราษฎร์ 7 ประมาณ 500 เมตร แต่ผู้เสียหายเห็นว่าไม่ถึงที่หมายเลยยังไม่ลง และขอให้ไปส่งที่สถานีตำรวจเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง
จากนั้นคนขับแท็กซี่จึงลงไปหยิบเหล็กหลังรถ เพื่อจะมาตีศีรษะสาวทอม แต่ผู้เสียหายเอาแขนบังไว้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน และยื้อกันไปมา เมื่อมีรถผ่านมาแต่ไม่มีใครลงมาช่วยหรือห้ามปราม จนผ่านไปประมาณ 10 นาที มีผู้ชายขี่รถจักรยานยนต์มาห้าม คนขับรถแท็กซี่จึงขึ้นรถแล้วขับหนีไป
จากนั้นผู้เสียหายจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับเข้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร หลักฐานเบื้องต้นที่เป็นข้อมูลติดตามตัวแท็กซี่คันเกิดเหตุ คือ ทราบเพียงว่าเป็นรถแท็กซี่สีชมพู เลขทะเบียนที่ติดประตูรถ ถ่ายรูปไว้แต่ไม่ชัด เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน ไม่สามารถระบุพยัญชนะ 2 ตัวหน้าได้ แต่เลขท้ายที่พอมองเห็น คือ 7853
ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้ให้ผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย พบว่าผู้เสียหายมีร่องรอยถูกทุบและทำร้ายร่างกายที่แขนสองข้างและศีรษะ ส่วนแฟนทอมมีแผลฟกช้ำที่บริเวณชายโครง และปากแตก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังสำนักงานเขตบางคอแหลมเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ และประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อเช็กทะเบียนรถ นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย หากกรมการขนส่งไม่สามารถเช็กได้ ก็จะไปไล่เช็กกล้องวงจรปิดบริเวณด่านจ่ายเงินก่อนขึ้นทางด้วย หรือขอดูกล้องวงจรปิดของห่างสรรพสินค้าที่ผู้เสียหายขึ้นรถมา
ทั้งนี้ ผู้เสียหายฝากไปถึงภาครัฐ ขอให้พัฒนาระบบออนไลน์ ที่ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบประวัติผู้ให้บริการได้ เพราะเมื่อเกิดเหตุจะได้ติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ ไม่ต้องลำบากมาไล่เช็กกล้องวงจรปิด และค้นหาทะเบียนรถจากขนส่งแบบนี้ ถึงเวลาที่ต้องพัฒนาระบบที่มีความปลอดภัยและสะดวกสำหรับประชาชนขณะเดียวกันก็อยากเตือนผู้ที่ใช้บริการรถสาธารณะขอให้จำชื่อ ทะเบียนรถ ไว้ให้ดี โทรบอกเพื่อนหรือญาดิพี่น้อง เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อไร ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ให้อภัยผู้ที่ก่อเหตุ เพราะถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เหยียดหยามและดูถูกเพศที่ 3 ซึ่งปัจจุบันสังคมควรจะเคารพสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น