ผู้จัดคอนเสิร์ตแจ็คสันเสนอ2ตัวเลือกคืนตั๋ว

ผู้จัดคอนเสิร์ตแจ็คสันเสนอ2ตัวเลือกคืนตั๋ว

ผู้จัดคอนเสิร์ตแจ็คสันเสนอ2ตัวเลือกคืนตั๋ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บ.ผู้จัดคอนเสิร์ตไมเคิล แจ็คสัน เสนอคืนเงินค่าตั๋วหรือให้เอาตั๋วไว้แลกกับการไม่ต้องคืนเงิน อดีตผู้จัดการเผยแจ็คสัน ใช้ยาจนยกส้อมเข้าปากไม่ได้ และหวาดระแวงว่าจะถูกพรากลูก ต้องขอยากดประสาทเพราะนอนไม่หลับ


บริษัท เออีจี ไลฟ์ ผู้จัดคอนเสิร์ต ดิส อิส อิต ที่โอทู อารีนา ในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นการกลับมาทัวร์คอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของแจ็คสัน ประกาศจะคืนเงินเต็มจำนวนให้กับแฟน ๆ ที่ซื้อตัวไปกว่า 750,000 ใบ จากคอนเสิร์ตที่กำหนดจะมีขึ้น 50 รอบ หรือให้เลือกรับตั๋วของจริงไว้เป็นของที่ระลึก โดยให้เวลารับเงินคืนได้ถึงวันที่ 14 สิงหาคมนี้ แต่ทนายจากนิตยสารเพื่อผู้บริโภคบอกว่า ทางบริษัทควรจะคืนทั้งเงินให้กับแฟน ๆ และให้พวกเขาได้เก็บตั๋วไว้เป็นที่ระลึกด้วย

ด้านเทด โอเว่น ผู้อำนวยการ เฟม บูโร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายของที่ระลึกบอกว่าเป็นข้อเสนอที่เป็นเล่ห์อุบายของบริษัท ทั้งที่ควรจะทำให้มากกว่านี้ในการช่วยเหลือแฟน ๆ และแจ็คสัน คือการคืนเงินและให้ผู้ซื้อได้เก็บตั๋วไว้ และควรให้เงินก้อนหนึ่งเพื่อจ่ายหนี้สินให้กับแจ็คสัน หรืออย่างอื่นเป็นต้น

ขณะที่แฟน ๆ มีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป บางคนไม่พอใจที่ต้องจ่ายเงินไปถึง 1,800 ปอนด์ หรือกว่า 1 แสนบาทเพื่อหวังจะได้ชมศิลปินในดวงใจ และจะไม่ยอมแลกกับกระดาษชิ้นเดียว แต่บางคนก็อยากจะเก็บตั๋วไว้เป็นที่ระลึก สำหรับสนนราคาค่าตั๋วที่ซื้อตามบูธขายตั๋วใบละ 50-75 ปอนด์ หรือราว 2,900-4,300 บาท แต่มีการเอาไปขายต่อในเว็บไซต์อีเบย์ซึ่งมีราคาสูงถึงใบละนับแสนบาท

อดีตผู้จัดการเผยแจ็คสันใช้ยาจนยกส้อมเข้าปากไม่ได้

ดีเตอร์ ไวสเนอร์ อดีตผู้จัดการส่วนตัวของไมเคิล แจ็คสัน เปิดเผยว่า ยอดซูเปอร์สตาร์ผู้ล่วงลับพึ่งพายาเป็นจำนวนมาก เสียจนไม่อาจยกส้อมจิ้มอาหารเข้าปากได้ ในระหว่างรับประทานอาหารค่ำ โดยไวสเนอร์ วัย 59 ปี ซึ่งทำหน้าที่ผู้จัดการให้แจ็คสัน ในช่วงปี 2539 - 2546 อ้างว่า การหันไปพึ่งพายาของแจ็คสัน อยู่ในขั้นเกินกว่าจะควบคุมได้ เกิดขึ้นตอนที่เขาเผชิญข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศเด็กซ้ำซาก และถลำลึกไปถึงขั้นเสพย์ติด ก็หลังจากที่มาร์ติน บาเชียร์ ผู้สื่อข่าวรายการสารคดีทางโทรทัศน์ ไปสัมภาษณ์เขาเมื่อปี 2546 ที่เขาถูกถามเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเด็ก ๆ

ไวสเนอร์ ยังพูดถึงอารมณ์อันแปรปรวนของแจ็คสันด้วยว่า เขาแอบไปร้องไห้คนเดียว เพราะเชื่อว่าไม่มีใครรักเขาแล้ว เขาปลดคนใกล้ชิดหลายคน ที่ไม่ยอมให้ยาเขาเพิ่มตามที่เขาต้องการ เขาคิดเอาเองว่า ยาพวกนี้เทำให้เขาเป็นนักเอนเทอร์เทนเนอร์ที่ดีกว่าเดิม และมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัวว่าหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคมจะมาพรากลูกไปจากเขา

ไวน์สเนอร์ อ้างว่า เขาเห็นแจ็คสัน " ตาย " ไปตั้งแต่คืนที่บาเชียร์เอาเทปที่เขาไปสัมภาษณ์แจ็คสันมาออกอากาศแล้ว มันทำลายเขา มันฆ่าเขา มันทำให้เขาตายอย่างช้า ๆ แต่มันเริ่มต้นมาตั้งแต่คืนนั้น การพึ่งยาก่อนหน้านี้ของเขาก็เพื่อบรรเทา แต่หลังจากเทปชุดนั้นออกอากาศ มันกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตที่ขาดไม่ได้ มันผ่านเข้าสู่ร่างกายของเขาตลอดทั้งวัน พอตกกลางคืนก็มีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ พวกที่ให้ยาแก่เขาต่างรู้แก่ใจดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาไม่ควรอยู่ใกล้เขา

ไวน์สเนอร์ กล่าวว่า ยาหลากชนิด และไวน์ ที่แจ็คสัน ตั้งชื่อว่า " น้ำผลไม้ของพระเยซู " ได้เริ่มเข้าไปอยู่ในชีวิตของแจ็คสัน เขาไม่เคยลืมวันหนึ่งที่เนเวอร์แลนด์ ที่แจ็คสันเดินเข้าไปในครัว เพื่อรับประทานอาหาร แต่หน้าเขาแข็งทื่อ และเขาไม่อาจหยิบส้อมป้อนใส่ปากตัวเองได้ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการดูหุ่นยนต์ที่ทำอะไรที่ดูเงอะงะ ไม่น่าเชื่อว่า นั่นคือหนึ่งในผู้ชายที่มีพรสวรรค์ที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาไม่สามารถรับประทานอาหารมากเกินไป เพราะใช้ยามากเกินไป

ไวน์สเนอร์ ร่วมทัวร์คอนเสิร์ต "ฮิสทรี่" ไปกับแจ็คสีน จากปี 2539 - 2540 และตอนนั้นเขาใช้ยาแล้วแต่เพื่อบรรเทาความเครียด เขาอยากบอกว่า แจ็คสัน เป็นเด็กและผู้ใหญ่อยู่ในร่างเดียวกัน ด้านที่เป็นเด็กต้องการความรัก ส่วนอีกด้านเป็นอัจริยะทางดนตรี แต่ยาที่เขาใช้ได้ทำลายหมดแล้วทั้งสองด้าน

ไวน์สเนอร์ ซึ่งอยู่ด้านหลัง ตอนที่แจ็คสันนำลูกชายคนเล็ก ปริ๊นซ์ ไมเคิล ที่ 2 ออกมาให้แฟน ๆ ดูที่หน้าต่างของโรงแรมในกรุงเบอร์ลิน เมื่อปี 2545 ยังบอกด้วยว่า แจ็คสันว้าเหว่ มีอยู่วันหนึ่ง เขานั่งลงและเริ่มร้องไห้ เขามีเงิน 500 ดอลล่าร์ในธนาคาร และเป็นเจ้าของอัลบั้มขายดีตลอดกาล ซึ่งเขาได้บอกแจ็คสันว่า เขามีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เขามีความโศกเศร้าอยู่ภายใน ตอนที่เขาถามเรื่องยา แจ็คสันก็อ้างว่า ยาพวกนี้ทำให้เกิดแนวคิดสร้างสรรค์ ทั้งที่ยาพวกนี้กำลังจะฆ่าเขา พอฤทธิ์ยาทำให้เกิดความหวาดระแวง เขากลัวว่าหน่วยงานสวัสดิการสังคม จะมาพรากลูกไปจากเขา

ไวน์สเนอร์ ยืนยันว่า แจ็คสัน ไม่ได้ใช้ยา ตอนที่เขาเอาลูกมาโชว์ที่หน้าต่างโรงแรม เขาเพียงแต่ตื่นเต้นและต้องการอวดลูกชาย เขาได้คุยกับแจ็คสันเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และแจ็คสันได้บอกกับเขาว่า เขากลัวการขึ้นเวทีคอนเสิร์ต โอทู เพราะเขารู้ตัวว่า สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้คงเทียบไม่ได้กับสมัยที่เขารุ่งเรืองสุดขีด

ขอยากดประสาทเพราะนอนไม่หลับ

เว็บไซท์ CNN รายงานอ้างการเปิดเผยของ เชนลีน ลี นักโภชนาการ ที่เคยทำงานกับไมเคิล แจ็คสันว่า แจ็คสันทนทุกข์ทรมานจากการนอนไม่หลับเป็นช่วงๆ และร้องขอยากดประสาทที่มีฤทธิ์รุนแรง แม้จะรู้ดีว่ามันจะส่งผลที่เป็นอันตรายร้ายแรง

ลี ซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพ ได้พบกับแจ็คสันครั้งแรก เมื่อเดือนมกราคม ตอนที่ลูก ๆ ของเขาป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาทั่ว ๆ ไป ซึ่งตอนนั้น แจ็คสันขอร้องให้เธอจ่ายยา ดิพริแวน ให้ แต่เธอปฏิเสธและบอกถึงอาการข้างเคียงจากการใช้ยาตัวนี้แก่เขา แต่แจ็คสัน บอกว่า เธอไม่เข้าใจเขาเพียงแค่อยากจะหลับบ้างเท่านั้น แต่เธอก็ยืนยันว่า ถ้าเขาใช้ยาตัวนี้ เขาอาจไม่มีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาอีก

CNN ระบุว่า ไม่อาจตรวจสอบได้ว่า ลีเคยทำงานกับแจ็คสันจริงหรือไม่ ซึ่งเมื่อถามเรื่องที่ลีเล่าจากครอบครัวของแจ็คสัน นายลอนเดลล์ แม็คมิลเลน ทนายอีกคนหนึ่งของครอบครัวแจ็คสันกล่าวว่า เขาข้องใจว่า เหตุใดจึงมีคนออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยา ทั้งที่พวกเขาไม่เคยเห็นแจ็คสันใช้ยาหรือไม่เคยเข้ามาดูแลจัดการในเรื่องนี้เลย

ดิพริแวน มีชื่อโดยทั่วไปว่า โปรโพฟอล มีฤทธิ์ใช้เป็นยาสลบในการผ่าตัดได้ ถ้าใช้ในปริมาณไม่มากจะช่วยให้นอนหลับได้ แต่ถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินไป สามารถทำให้หัวใจหยุดเต้นได้แจ็คสัน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ด้วยวัย 50 ปี และทางการกำลังรอคอยผลการตรวจหาสารพิษ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาเสียชีวิต

ในเว็บไซท์คณะกรรมการบริหารพยาบาลวิชาชีพรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ลีเป็นพยาบาลวิชาชีพซึ่งเธออ้างว่า ในช่วง 4 วัน ก่อนที่แจ็คสันจะเสียชีวิต เธอยังได้รับโทรศัพท์ทีมงานของแจ็คสัน ที่ระบุว่า แจ็คสันร่างกายข้างหนึ่งของเขาเย็น ส่วนอีกข้างหนึ่งร้อน เธอยังได้ยินเสียงพูดของแจ็คสันอยู่เบื้องหลังด้วยว่า ช่วยบอกให้เธอไปพบเขาตอนนั้น เธอสามารถไปพบเขาตอนนั้นเลยได้หรือไม่

แต่ขณะนั้น ลีอยู่ที่ฟลอริด้าและเธอได้บอกให้ทีมงานพาแจ็คสันไปโรงพยาบาล เธอบอกว่า รู้สึกกลัว เนื่องจากอาการที่ได้เธอรับแจ้งนั้น มันหมายถึงมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับระบบประสาทหรือเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ หลังจากเขาเสียชีวิต เธอได้แต่เศร้าแต่ก็ได้ยินว่าเขามีแพทย์อยู่ด้วย

ลีไม่ได้บอกว่า เหตุใดแจ็คสันจึงโทรศัพท์หาเธอ ในเมื่อเธอพบกับเขาครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 เดือนก่อนแต่เธอบอกว่า เธอคิดว่า เขาคงจำได้ถึงอาการที่เธอเคยบอกกับเขา ตอนที่เธอถามเขาว่า แพทย์คนไหนที่จ่ายยา ดิพริแวน ให้กับเขา แจ็คสันได้แต่บอกว่า มันนานมาแล้ว

ดร.ราเกษ มาร์วา จากภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ให้ความเห็นว่า โพรโพฟอล สามารถสามารถทำให้หัวใจหยุดเต้น ซึ่งต้องสงสัยว่านำไปสู่การเสียชีวิตของแจ็คสัน เพราะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง อัตราการหายใจช้าลง และชีพจรเต้นช้าลงด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook