กลิ่นเน่าคลุ้ง แม่ค้าน้ำเต้าหู้ถูกฆาตกรรมหมกศพคาบ้าน ไร้เงาผัวชาวจีน
![กลิ่นเน่าคลุ้ง แม่ค้าน้ำเต้าหู้ถูกฆาตกรรมหมกศพคาบ้าน ไร้เงาผัวชาวจีน](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1576/7884226/24killingwife.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
สามีชาวจีนสุดอำมหิต ฆาตกรรมฟันหัวเมียสาวแม่ค้าน้ำเต้าหู้เมืองพิษณุโลก อำพรางศพมัดมือมัดเท้าคาบ้าน ก่อนเผ่นหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
(2 ก.ย.) ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งมีหญิงสาวถูกฆาตกรรมอำพราง เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.วรุต คณานนท์ รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา ภายในห้องนอนบนบ้าน พบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสาว ทราบชื่อคือ น.ส.นันพิกา อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของบ้าน สภาพศพถูกห่อคลุมด้วยผ้าห่มมีเลือดไหลกองเต็มพื้น เมื่อเปิดออกดูพบว่ามีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมที่ศีรษะ 2 แห่ง ห่างจากตาข้างขวา 1 แห่ง เป็นแผลฉีกขาดฉกรรจ์ สวมเสื้อลายเทาดำแขนยาว ท่อนล่างสภาพเปลือยเปล่า
นอกจากนี้บริเวณข้อมือยังถูกมัดด้วยเชือกไนล่อนสีขาวผูกติดกับขาและที่ขาทั้งสองข้าง โดยมัดพันธนาการด้วยสายยู สภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำร่างส่งผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้งที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร
ในเวลาต่อมา นางลูกจันทร์ อายุ 67 ปี พร้อมกับ นายภาคภูมิ อายุ 37 ปี ซึ่งแม่และน้องชายของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาจาก จ.สุโขทัย เพื่อมาตรวจสอบ ก่อนร่ำไห้ด้วยความเสียใจ ก่อนจะให้การว่า น.ส.นันพิกา พักอาศัยอยู่กับสามีชาวจีน คือ นายเหลียง อายุ 41 ปี โดยอยู่กินเป็นสามีภรรยานานกว่า 10 ปีแล้ว
ทั้งคู่จะช่วยกันทำมาหากินเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้อยู่สี่แยกวุ่นวาย ถ.สีหราชเดโชชัย เมืองพิษณุโลก แต่เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา น.ส.นันพิกา ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหาน้องชายให้ไปรับที่สนามบินพิษณุโลก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้มารับกี่โมง ก่อนจะเงียบหายไป โดยเข้าใจว่าอาจจะให้สามีมารับกลับบ้านไปแล้ว
กระทั่งต่อได้พยายามโทรศัพท์ติดต่ออีกครั้ง แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงรู้สึกเอะใจวานให้ญาติที่อยู่ใกล้ๆ กัน มาตามที่บ้านก็พบว่าประตูรั้วถูกปิดล็อกอยู่ แต่เรียกเท่าไรก็ไม่มีใครออกมา พบเพียงสุนัขพันธุ์บางแก้ว 2 ตัว ซึ่งปกติแล้วจะถูกขังไว้ในกรงปล่อย ต่อมาได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ไปตัดกุญแจบ้านเพื่อตรวจสอบ เมื่อเปิดประตูเข้าไปถึงกับผงะ เมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากห้องนอน ก่อนจะพบศพ น.ส.พันพิกา อยู่ภายใน
ขณะที่ นายเหลียง สามีชาวจีนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับรถกระบะโตโยต้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า นายเหลียง ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ผ่านด่านที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.)
เบื้องต้นคาดว่า นายเหลียง น่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ พร้อมกับได้ขออำนาจหมายศาลจังหวัดพิษณุโลกออกหมายจับ โดยจะประสานกับตำรวจสากลเร่งติดตามตัว คาดว่าหลบหนีออกนอกประเทศกลับไปยังประเทศจีน
ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงระบุ เมื่อช่วงเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังลั่นมาจากที่บ้านหลังดังกล่าว ก่อนจะมีเสียงหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว และเพิ่งมาทราบว่าเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในบ้านหลังนี้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว น.ส.นันพิกา เป็นคนมีน้ำใจกับคนเฒ่าคนแก่ละแวกบ้าน มักจะนำน้ำเต้าหู้มาแบ่งให้อยู่เสมอๆ แต่ตัวของนายเหลียง ไม่เคยออกมาสุงสิงกับใครเลย และมักจะมีนิสัยโมโหและอารมณ์ร้อน เคยก่อเหตุวิวาทกับภรรยา และชกฟันหักมาแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ในคืนวันเกิดเหตุทั้งคู่น่าจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรืออาจจะเป็นเรื่องหึงหวงเพราะผู้เสียชีวิตเป็นสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยสมวัย ก่อนจะใช้อาวุธมีดทำครัวที่อยู่ในบ้านฟันศีรษะและใบหน้าภรรยาเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะจับแก้ผ้ามัดมือมัดเท้าใช้ผ้าห่มคลุมอำพรางศพ ก่อนจะขับรถหลบหนีไปเข้ากรุงเทพฯ และออกนอกประเทศไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป