"แอมเนสตี้" แถลงย้ำผู้เกี่ยวข้องการตายของ "บิลลี่" ต้องได้รับโทษ
แอมเนสตี้ ออกแถลงการณ์ เรียกร้องนำผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของ "บิลลี่ พอละจี" ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ความคืบหน้า ภายหลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แถลงการณ์เกี่ยวกับการหายตัวไปของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ หลังจากพบชิ้นส่วนกระดูกมุนษย์ ในถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ที่จมอยู่ใต้น้ำใกล้กับสะพานแขวน ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และตรวจสอบพบว่าDAN ของกระดูกที่พบ ตรงกับมารดาของนายบิลลี่ จึงยืนยันว่านายบิลลี่ได้เสียชีวิตแล้ว พร้อมกับระบุว่า คดีนี้ได้เปลี่ยนจากคดีบุคคลศูนย์หายกลายเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง
ต่อมา นายปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่านเฟสบุ๊ก Amnesty International Thailand พร้อมเรียกร้องให้นำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า...
“จากคำแถลงของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ยืนยันว่า พอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยบิลลี่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2557 หลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า แอมเนสตี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของบิลลี่ต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และแอมเนสตี้จะยืนหยัดเคียงข้างครอบครัวจนกว่าทางการไทยจะสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ “นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ทางการไทยสามารถนำความคืบหน้าของคดีอาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้มาสู่ครอบครัวของผู้เสียหายและสาธารณชนได้”
“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสืบสวนสอบสวนให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงว่าผู้กระทำและผู้ส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมครั้งนี้คือใคร และต้องนำบุคคลดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามมาตรฐานสากล”
>> "ดีเอสไอ" แถลง DNA ยันชัด "บิลลี่" ถูกฆ่าเผายัดถังทิ้งเขื่อนแก่งกระจาน